รอง ผบช.ก.เผย ยังไม่พบความผิดปมมรดก“พี่อ้อย” ส่วน GPS เป็นระบบที่ติดมากับรถอยู่ก่อนแล้ว ยันไม่ได้กัน 2 คนสนิท “ทนายตั้ม” ไว้เป็นพยาน พบหลักฐานค่อนข้างชัดเจน เตรียมนำมาวิเคราะห์ว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่มหรือไม่
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ฉ้อโกง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ พี่อ้อย ว่า เมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) ได้เรียกผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งพนักงานสอบสวนที่ทำสำนวน พบว่า ยังมีบางประเด็นยังไม่ชัดเจน จำเป็นต้องเรียกมาสอบเพิ่มเพื่อให้ทุกอย่างครบถ้วน ซึ่งเมื่อคืนเป็นการสอบเน้นในเรื่องเดิม ในส่วนของประเด็นอื่นๆ ก็มีการสอบถามบ้างเพื่อนำมาประกอบกัน
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเรื่องของพินัยกรรมมรดก จากการสอบปากคำยังไม่พบความผิดอะไรที่ปรากฏขึ้น ได้มีการสอบสวนไปหมดแล้ว ส่วนการติด GPS บนรถ เบื้องต้นที่ได้รับข้อมูลมาทราบว่า GPS เป็นระบบที่มีในรถอยู่แล้ว เนื่องจากใครซื้อรถก็จะได้ ID ในการ Login เบื้องต้นในเรื่องนี้กำลังทำการตรวจสอบเพิ่มเติมอยู่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะกันตัวพี่สาวเมียทนายตั้ม และ เล็ก คนสนิททนายตั้ม ไว้เป็นพยานหรือไม่นั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ขอชี้แจงว่า การดำเนินการของตำรวจ ไม่มีการกำหนดเป้าบุคคลใด และยังไม่ได้กันใครไว้เป็นพยาน ตอนนี้เป็นการรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน และพิจารณาอีกทีว่าใครมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด หรือเป็นแค่ส่วนหนึ่งในเหตุการณ์นั้นแต่ไม่มีเจตนาร่วมด้วย ทุกอย่างจะทำด้วยความรอบคอบ
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทั้ง 4 เคส ที่มีการคุยกับพนักงานสอบสวน เห็นว่า หลักฐานค่อนข้างชัดเจนพอสมควรในทุกเรื่อง ตอนนี้ก็อยู่ที่พยานหลักฐานและนำมาวิเคราะห์กันอีกทีว่าใครมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดเพิ่มหรือไม่ และจะพยายามสรุปสำนวนให้เสร็จภายในฝาก 3 และส่งอัยการในฝาก 4 เพื่อให้อัยการได้ตรวจดูสำนวนต่างๆ เพราะเรื่องนี้มีหลายกรรม และมีความละเอียดหลายๆ อย่าง เผื่ออัยการให้ทางตำรวจกลับมาหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้สำนวนสมบูรณ์ที่สุด