ศาลแขวงดุสิตสั่งยึดรถหนุ่มขับ‘เทสล่า’ปาดหน้า บนทางด่วน โดนจำคุก 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา หลังอัยการคดีเเขวงฟ้องขอให้ริบของกลาง
เมื่อเวลา 14.00 วันนี้ (19 พ.ย.) ที่ศาลแขวงดุสิต ซอยสีคาม ถนนนครไชยศรี พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวง ได้ยื่นฟ้อง นายปิติพัฒน์ กาญจนภาณุรัช ข้อหา ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย
จากกรณีปรากฏคลิปวิดีโอ ซึ่งแพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2567 เฟซบุ๊ก ใช้ชื่อเพจ "ควายหลุดถนน v1" คลิปวิดีโอ ความยาวประมาณ 3 นาที เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเทสล่า สีขาว ขับขี่ในลักษณะปาดซ้ายปาดขวา หน้ารถของผู้ใช้ทางคันอื่น บนทางพิเศษศรีรัชฯ ทราบต่อมาผู้ก่อเหตุคือนายปิติพัฒน์
จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าว ศาลพิพากษาจำคุก 2 เดือน 10,000 จำเลยให้การรับสารภาพ
คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุก รอลงอาญา 1 ปี สั่งคุมประพฤติ 1 ปี โดยให้รายงานตัว 4 ครั้ง บริการสังคม 12 ชม. พักใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือนเเละริบรถยนต์ของกลาง
สำหรับจำเลยมีใบอนุญาตขับขี่ แต่สิ้นอายุ ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ปรับเป็นพินัย จำนวน 2,000 บาท ไว้ก่อนเเล้ว
นายปิติพัฒน์ กล่าวว่า ตนเองได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ประสานกับทางคู่กรณีเพื่อ อยากที่จะกราบขอโทษกับคู่กรณีและครอบครัว รู้สึกผิดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทางคู่กรณี ปฏิเสธที่จะพบ โดยตนขอใช้พื้นที่ตรง ชี้แจงถึงไทม์ไลน์ที่ ทางสื่อหรือสังคมเข้าใจผิด ว่าตนมีเจตนาหลบเลี่ยงความผิด จริงๆแล้วตนก่อเหตุเมื่อวันที่ 13 พ.ย. คลิปเริ่มลงวันที่ 14 พ.ย.2567 จากนั้นวันที่ 15 พ.ย.2567 ก่อนมารายงานตัว 16 พ.ย. ตนได้แอดมิดเข้าโรงบาลเนื่องจากเกิดความเครียด 17 พ.ย.2567 ให้ทนายนำรถส่งมอบตำรวจ 18 พ.ย.2567 เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และวันนี้ก็มาศาล ซึ่งทุกขั้นตอนก็เป็นไปตามกระบวนการ
ส่วนสาเหตุที่แสดง พฤติกรรมการขับรถแบบนั้น เพราะอยู่มีความเครียด ทะเลาะกับแฟนเรื่องเปิด gps แล้วบอกทางผิด ซึ่งทางคู่กรณีก็ไม่ได้ทำอะไรให้กับตนเลย แต่ตนกลับทำกิริยาที่มัน เหมาะสมแบบนั้น ซึ่งหลังจากที่ตนลงจากทางด่วนก็รู้สึกผิด แล้วตำหนิตัวเองว่าทำอะไรลงไป
นายปิติพัฒน์ กล่าวต่อว่า อยากจะกราบขอโทษคู่กรณีที่แสดงกิริยาที่เป็นภัยต่อสังคมหลังจากนี้จะไม่แสดงพฤติกรรมดังกล่าวไม่ว่ากับใครทั้งสิ้น หลังจากนี้ปรับตัวใหม่ และกราบ ขอโทษผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รถเทสล่าที่มีสีเดียวกัน หรือกลุ่มรถอีวีด้วยกันผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน และยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2565 ทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้เคยมีหนีงสือเวียนให้พนักงานอัยการถือปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาผู้ขับรถไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนจากการใช้รถใช้ถนนโดยให้อัยการใช้ดุลพินิจในการขอริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด
โดยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4730 /2564 จำเลยให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงรับฟังยุติตามฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ของกลางไปตามถนนพุทธรักษา อันเป็นทางสาธารณะในขณะเมาสุราและขับรถย้อนศรสวนทิศทางการเดินรถไม่เป็นไปตามทิศทางที่กำหนดไว้อันเป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นที่สัญจรไปมาบนถนน รถยนต์ของกลางจึงถือเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดตามฟ้องของอัยการโจทก์โดยตรงอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33