“อัจฉริยะ” ร้อง อสส. ตรวจสอบอัยการภาค 7 ดองสำนวน “ทนายชื่อดัง”-ตำรวจอ้าง มาตรา 100/2 พ.ร.บ.ยาเสพติด เรียกรับเงินผู้ต้องหา
วันนี้ (5 ต.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางยื่นถึงนายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด โดยมีนายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้รับหนังสือแทน
กรณีอัยการคดีทุจริตภาค 7 นำสำนวนคดีทนายตั้มร่วมกับพวกใช้ พ.ร.บ.ยาเสพติด พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 เรื่องสามารถลดโทษ จากการขยายผลไปจับกุมผู้เกี่ยวข้องรายใหญ่ ในคดียาเสพติด หลอกลวงนายธีรวัฒน์ บุญรอด หรือออย ที่พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องคดีไปยังพนักงานอัยการคดีทุจริต ภาค 7 แล้วนำสำนวนดังกล่าวไว้ 4 ปี โดยไม่ดำเนินการสั่งคดีแต่อย่างใดอันมีเจตนาส่อไปในทางทุจริต
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนมาสอบถามความคืบหน้าที่สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ครั้งแรกเมื่อปี 2565 ก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้าใดๆ ยอมรับว่าไม่มั่นใจในสำนักงานอัยการสูงสุดว่าจะให้ความเป็นธรรมคดีนี้ได้ แต่ตนก็ยังเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม เพราะจะดูว่าสำนักงานอัยการสูงสุดจะปฏิบัติหลังจากนี้อย่างไร
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงประเด็นทนายตั้มว่า ถึงแม้ตนจะจับมือกับทนายตั้มเพื่อยุติคดีส่วนตัวแล้วก็ตาม แต่ในเรื่องที่มาร้องเรียนทนายความชื่อดังและตำรวจภาค 7 นี้ตนก็ยังจะต้องช่วยเหลือผู้เสียหาย เราต้องแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวม
สำหรับประเด็นสำคัญซึ่ง ทนายความและตำรวจมักจะหยิบยกมาใช้ประโยชน์ คือ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 บัญญัติว่า ถ้าศาลเห็นว่าผู้กระทำความผิดผู้ใด ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ ยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ หรือพนักงานสอบสวน ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นก็ได้