ผู้การ ปคบ.สรุปสำนวนคดีร้านทอง"แม่ตั๊ก"ให้อธิบดีอัยการคดีอาญา พิจารณาสั่งฟ้องศาลอาญาหรือไม่ 15 พ.ย.นี้ ด้าน"เคนโด้"ผู้เสียหาย ขอบคุณ-ให้กำลังใจ
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (5 พ.ย.) พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ..พร้อมทีมพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. นำสำนวนการสอบสวนจำนวน 18 แฟ้มรวม 2 ลัง ส่งมอบให้ นายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณายื่นฟ้อง บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด , นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ และ น.ส.กรกรนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก เป็นผู้ต้องหาที่ 1-3 ในความผิด 5 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ,ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ,ร่วมกันเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตัวเองหรือผู้อื่น และโฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
พล.ต.ต.วิทยา เปิดเผยว่า ได้รวบรวมพยานหลักฐานของผู้เสียหายชุดแรก จำนวน 36 คน มาส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ ซึ่งมั่นใจในพยานหลักฐาน และคาดว่าจะสามารถพิจารณามีความเห็นทันสั่งฟ้องภายในไม่เกินวันที่ 15 พ.ย.นี้ ก่อนกรอบเวลาที่กำหนด ส่วนรายละเอียดสำนวน ตำรวจได้มีการติดตามเส้นทางการเงิน และทรัพย์สินของผู้ต้องหา โดยสามารถอายัดทรัพย์ สิน ส่งไปยัง ป.ป.ง.แล้ว มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท แต่ยอมรับว่า จากการตรวจค้น กระเป๋าแบรนด์เนม กระเป๋าทอง ไม่พบอยู่ในที่เกิดเหตุ
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวอีกว่า สำหรับผู้เสียหายในเฟส 2 ขณะนี้พบผู้เสียหาย มีจำนวน 1,600 ราย และมีบางส่วน ทยอยเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน คาดว่าจะสามารถรวบรวมหลักฐานส่งให้พนักงานอัยการได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด
นายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา กล่าวว่า ทางพนักงานอัยการจะนำสำนวนไปพิจารณา เพื่อยื่นฟ้องผู้ต้องหาภายในการผัดฟ้องฝากขังครั้งสุดท้ายวันที่ 15 พ.ย.นี้ และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ยังไม่ขอพูดถึงในรายละเอียดโดยจะนำสำนวนไปพิจารณาก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือเคนโด้ ได้นำกลุ่มผู้เสียหายที่หลงเชื่อซื้อทองกับร้านทองแม่ตั๊ก เข้ามายื่นเรื่องคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาแก่พนักงานอัยการ พร้อมกับนำช่อดอกไม้มามอบให้เป็นขวัญกำลังใจแก่ชุดพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการในการพิจารณาคดี
ด้านนายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า สำนักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ) คดีระหว่าง น.ส.วันวิสา ทองสุขกับพวก ผู้กล่าวหา บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดยนายกานต์พล เรืองอร่าม กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1, นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือเบียร์ ผู้ต้องหาที่ 2, น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก ผู้ต้องหาที่ 3 ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น, ร่วมกันชายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" เหตุเกิดระหว่างวันที่ 11 ส.ค. 2563 ถึงวันที่ 23 ส.ค. 2567 ต่อเนืองกัน ในท้องที่แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม.และหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรต่างกรรมต่างวาระกัน
ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 2 และที่ 3 ถูกควบคุมตัวและฝากขังไว้ตามคำสั่งศาลอาญา โดยจะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 4 ในวันที่ 17 พ.ย.2567 โดยพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 1, 2 และ 3 ฐาน"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่น อันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรร้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น, ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง โดยไม่ได้รับอนุญาต " ตามประมวลกฎหมายอาญาตรา 343, 83, 91 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พุทธศักราช 2550 มาตรา 14 (1) พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 22,30, 47, 52 พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว และมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสาม ฐานร่วมกันขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพคุณภาพ หรือปริมาณ แห่งของนั้นอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจเมื่อพนักงานอัยการที่เกี่ยวข้องพิจารณาสำนวนแล้ว สำนักงานอัยการสูงสุดจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบ