ผบช.รร.นรต. มีคำสั่งย้าย "พ.ต.อ." อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ มาปฏิบัติราชการศปก.รร.นรต. เซ่นปมชู้สาวภรรยา "บิ๊กโจ๊ก" พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง
วันนี้ (2 พ.ย.) มีรายงานว่า พล.ต.ท.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ลงนามคำสั่งโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่ 591/2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ใจความว่า ด้วยปรากฎเป็นข่าวในรายการสัมภาษณ์สด และรายการข่าวสดประจำวันบนสื่อโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 23 - 25 ตุลาคม 2567 โดยน.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม ให้สัมภาษณ์ในรายการโดยมีการกล่าวถึง พ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ อาจารย์ (สบ 4) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งเป็นสามีของตนได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนางศิรินัดดา หักพาล ภริยาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และจากการตรวจสอบยังพบอีกว่าในรายการโหนกระแสเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 พ.ต.อ.ภีมพจน์ ให้สัมภาษณ์ด้วยถ้อยคำสอดรับกับคำพูดของน.ส.ธณัฏฐา ทำนองมีการประพฤติตนไม่เหมาะสมทางเพศ ซึ่งการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและโรงเรียนนายร้อยตำรวจโดยส่วนรวม
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่งคณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่ 109/2567 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าข้าราชการในสังกัดโรงเรียนนายร้อยตำรวจกระทำผิดวินัยได้สรุปความเห็นว่า กรณีดังกล่าวมีเหตุอันควรสงสัยได้ว่า พ.ต.อ.ภีมพจน์ ซึ่งเป็นสามีของน.ส.ธณัฏฐา ได้มีการประพฤติตนไม่เหมาะสมกับหญิงอื่น อันเป็นการกระทำที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่อาจนำไปสู่ความเสื่อมเสียให้เกิดกับตนเอง ครอบครัว และหน่วยงาน การที่น.ส.ธณัฏฐา และ พ.ต.อ.ภีมพจน์ ได้ให้สัมภาษณ์ทางสื่อต่าง ๆ ตามหลักฐานที่พบสื่อ ให้เห็นว่า พ.ต.อ. ภีมพจน์ ในบริบทดังกล่าววิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่า พ.ต.อ.ภีมพจน์ยอมรับถึงการมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนางสาวศิรินัดดา เพียงแต่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ดังนั้นเมื่อ พ.ต.อ.ภีมพจน์ เกี่ยวข้องกับหญิงอื่นโดยที่ตนมีภริยาอยู่แล้วและเกิดเรื่องเสื่อมเสีย และมีพฤติการณ์เป็นชู้หรือมีชู้กับภริยาของผู้อื่น จึงมีมูลเพียงพอรับฟังเชื่อได้ว่า พ.ต.อ.ภีมพจน์ กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 112 (6) การกระทำอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เห็นควรให้แต่งตั้งตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนทางวินัยต่อไป
อาศัยอำนาจตามความในพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 119 และ มาตรา 179 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อทำการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าวประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้
1. รองศาสตราจารย์ พ.ต.อ.พิพากษ์ เกียรติกมเลศ อาจารย์ (สบ 5) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะนิติศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นประธานกรรมการ
2. พ.ต.ท.สุภรณ์ กิจชมภู อาจารย์ (สบ 3) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นกรรมการ
3. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พ.ต.ท. ภูธธร พุกะทรัพย์ เป็นกรรมการ อาจารย์ (สบ 3) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นกรรมการ
4. พ.ต.ท. ณัฐวุฒิ ผิวบัวคำ เป็นกรรมการ อาจารย์ (สบ 5) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นกรรมการ
5. พ.ต.ต.หญิง กัลยรัตน์ ชัชวาลวรวิทย์
อาจารย์ (สบ 2) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะนิติศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นกรรมการและเลขานุการ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด ใน กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2547 ให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอสำนวนการสอบสวนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่ากรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่นและคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาในเบื้องต้นแล้ว เห็นว่าข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมกระทำการในเรื่องที่สอบสวนนั้นอยู่ด้วยให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว
ขณะเดียวพล.ต.ท.เสนิต ยังมีคำสั่งโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่ 592/2567 ให้ พ.ต.อ.ภีมพจน์ มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.บช.รร.นรต. เพื่อรอผลการสอบสวนจากคณะกรรมสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อไป