xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อครึ่งร้อยแจ้งจับ บ.เอกชน ตุ๋นลงทุนผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าฯ สูญเงินกว่าหมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



สภาทนายความฯ พาผู้เสียหายครึ่งร้อยแจ้งความดำเนินคดีบริษัทเอกชนหลอกลงทุนธุรกิจผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานสะอาด พบมีผู้หลงเชื่อ 7 หมื่นราย สูญเงินนับหมื่นล้านบาท

วันนี้ (31 ต.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)นายกิตติคุณ แสงหิรัญ ตัวแทนสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ พาผู้เสียหาย 50 คน เข้าพบพนักงานสอบสวนกก.4 บก.ปอศ. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งหลังหลอกลงทุน ธุรกิจผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานสะอาด มีผู้หลงเชื่อกว่า 70,000 คน สูญเงินกว่าหมื่นล้านบาท

นางอภันตรี เจริญศักดิ์ ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า บริษัทดังกล่าวมีการโฆษณาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ตั้งแต่ปี 2562 โดยจะเน้นชักชวนกลุ่มคนที่เกษียณอายุราชการ เข้ามาร่วมลงทุนซื้อหุ้นในธุรกิจ ผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานสะอาด ผ่านโครงการ "เกษียณมีสุข" โดยอ้างว่ามีออเดอร์ผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยทางบริษัทเปิดให้ซื้อหุ้นละ 100 บาท ปันผลสัปดาห์ละ 5% เมื่อปันผล 50 สัปดาห์หลังจากนั้นก็จะสามารถปันผลไปตลอดชีวิต โดยจูงใจว่าหุ้นนี้จะสามารถต่อยอดไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานได้

นางอภันตรี กล่าวต่อว่านอกจากนั้นทางบริษัทนี้ยังเคยจัดงานอีเวนท์เปิดตัวที่สวนนงนุชโดยมีรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานมาร่วมเปิดงาน ทำให้ยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับคนร่วมลงทุน ว่าบริษัทนี้น่าเชื่อถือ จึงมีคนร่วมลงทุนตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้านบาท ต่อมาวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้ปิดโปรแกรมการลงทุนโดยอ้างว่าถูกรัฐบาลกลั่นแกล้ง ยึดอายัดทรัพย์สินจนไม่มีเงินจ่ายให้กับสมาชิก ระหว่างนั้นทางบริษัทก็จะส่งคนมาเกลี้ยกล่อมไม่ให้แจ้งความดำเนินคดี อ้างว่าจะรับซื้อหุ้นและช่วยเหลือเยียวยาแต่ท้ายที่สุดก็เงียบหายจนมีผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งไปยื่นฟ้องศาลแพ่ง จน ปปง. สั่งยึดอายัดทรัพย์สินไปแล้วกว่า 400 ล้านบาท

นางอภันตรี กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันก็ยังมีผู้เสียหายที่ตกหล่น อย่างกลุ่มของตนเอง ที่ดำเนินการฟ้องศาลแพ่งไม่ทัน ในวันนี้จึงตัดสินใจมาฟ้องคดีอาญาเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นกลุ่มของผู้เสียหายที่รวมตัวนำข้อมูลส่งให้สภาทนายความ เพื่อแจ้งความเป็นคดีอาญามีทั้งหมดประมาณ 580 คน ยอดความเสียหายอยู่ประมาณ 150 ล้านบาท

ด้านนายกิตติคุณ เปิดเผยว่าในส่วนของคดีอาญา จะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ผิดข้อหาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายไปแจ้งความแล้ว 60 คน ซึ่งสภาทนายความได้ประสานอัยการกองเศรษฐกิจและทรัพยากร แต่ปรากฏว่าผ่านมาสามปีเปลี่ยนพนักงานอัยการจนครบวาระแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้า จนผู้เสียหายไปร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษและกระทรวงยุติธรรม รวมถึงเดินทางมาแจ้งความเพิ่มเติมในวันนี้ด้วย








กำลังโหลดความคิดเห็น