นายกสภาทนายความเผย พร้อมเร่งสอบสวน "ทนาย ษ." ผิดมรรยาท หลัง "ทนายอั๋น บุรีรัมย์" ยื่นร้อง ย้ำทนายหิวแสงทำองค์กรเสียหาย มีโทษพักใบอนุญาตหรือลบชื่อจากทะเบียน แต่มีแค่ส่วนน้อยที่สร้างปัญหา
วันนี้ (30 ต.ค.) ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้เปิดเผยการดำเนินคดีมรรยาททนายโซเชียล หรือทนายหิวแสง ต่อสื่อมวลชนว่า ตนได้ประสานความร่วมมือกับประธานกรรมการมรรยาท สภาทนายความ เพื่อตรวจสอบเอาผิดทนายความที่ประพฤติผิดมรรยาทอย่างจริงจัง และเร่งรัดการพิจารณาคดีมรรยาทที่ทนายโซเชียลได้ละเมิดต่อข้อบังคับของสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ จนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กร และสมาชิกทนายความส่วนใหญ่ หากมีข้อเท็จจริงปรากฏตามสื่อต่างๆ สามารถที่จะหยิบยกนำมาเป็นคดีมรรยาทได้ทันที เพราะเป็นเรื่องที่ความปรากฏอย่างชัดแจ้ง
ดร.วิเชียร นายกสภาทนายความ กล่าวต่อว่าในการพิจารณาคดีมรรยาท เบื้องต้นนั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของประธานกรรมการมรรยาท และกรรมการมรรยาทสภาทนายความ เมื่อคณะกรรมการมรรยาท พิจารณาคดีแล้วเสร็จ จึงจะส่งสำนวนคดีมรรยาทให้แก่นายกสภาทนายความเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสภาทนายความ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการบริหารสภาทนายความมีอำนาจในการที่จะทำคำสั่ง หรือคำวินิจฉัย โดยมีอำนาจอิสระที่จะจำหน่ายคดี ยกข้อกล่าวหา ลดโทษ หรือเพิ่มโทษได้ด้วย เมื่อมีการพิจารณาคดีเสร็จ นายกสภาทนายความจะส่งเรื่องคืนไปยังประธานกรรมการมรรยาท เพื่อแจ้งให้คู่กรณีได้รับทราบผลคดี และเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ประธานกรรมการมรรยาท จะแจ้งคำสั่งลงโทษนั้นไปยังสำนักงานศาลยุติธรรม และเนติบัณฑิตยสภา เพื่อทราบต่อไป
อนึ่ง โทษที่จะลงแก่ทนายความที่ประพฤติผิดมรรยาททนายความนั้นมีอยู่ 3 ระดับ คือ 1.ภาคทัณฑ์ 2. ห้ามการเป็นทนายความไม่เกิน 3 ปี 3.ลบชื่อจากทะเบียนทนายความ หากทนายความคนใดได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการยักยอก ฉ้อโกง หรือตระบัดสินลูกความ หรือประกอบอาชีพ ดำเนิน หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ ถือว่าเป็นเหตุที่จะทำการลบชื่อจากทะเบียนทนายความได้ รวมถึงการเสี้ยมสอนให้พยานเบิกความเท็จ หรือทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ การอวดอ้างว่าตนเองเก่งกว่าทนายความคนอื่น หรือ อวดอ้างว่ามีพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใดอันกระทำให้ลูกความหลงเชื่อว่าตนสามารถทำให้ลูกความได้รับประโยชน์พิเศษนอกจากทางว่าความ หรือจะชักจูงใจผู้นั้นช่วยเหลือทางคดีได้ หรือแอบอ้างขู่ว่าถ้าไม่ให้ตนทำคดีนั้นแล้วจะหาทางให้ผู้นั้นทำให้คดีลูกความแพ้ หรือการเรียกรับเงินไปวิ่งเต้นคดี การแย่งคดี หรือจงใจขาดนัดหรือทอดทิ้งคดี เป็นต้น ล้วนแต่เป็นการประพฤติผิดมรรยาททั้งสิ้น
ดร.วิเชียร กล่าวทิ้งท้ายว่าขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่ามีเพียงทนายความบางคนเท่านั้นที่สร้างปัญหา และคนเหล่านี้จะต้องถูกจัดระเบียบอย่างจริงจัง และสมาชิกทนายความส่วนใหญ่รักองค์กร พร้อมที่จะอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน และพร้อมที่จะช่วยกันรักษาองค์กรให้เป็นที่พึ่งประชาชนสืบต่อไป
ผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลที่สำคัญจากแหล่งข่าวเกี่ยวกับทนายความโซเชียลคนดังหลายคนว่า ล้วนมีคดีมรรยาทติดตัวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการมรรยาท ซึ่งทนายความคนดังบางคนถูกร้องเป็นคดีมรรยาทมากกว่า 20 คดีแล้ว และทนายความคนดังหลายคนถูกพักใบอนุญาตให้เป็นทนายความ
ขณะที่เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ "ทนายอั๋น บุรีรัมย์" เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ กัยนายมะโน ทองปาน รองประธานคณะกรรมการมรรยาททนายความ ให้สอบคดีมรรยาทกับทนายความอักษรย่อ ษ.ที่กำลังเป็นข่าวรับทรัพย์สินโดยเสน่หา เข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.ทนายความหรือไม่
นายมะโน ทองปาน เปิดเผยว่า จะรีบนำเรื่องเข้าที่ประขุมกรรมการมรรยาททนายความโดยเร็วที่สุดแต่จะเร่งรัดให้ผลออกมาเร็วตามที่ต้องการหรือไม่นั้น เอาเป็นว่าจะดำเนินการอย่างรอบคอบ ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ด้าน ดร.วิเชียร กล่าวเพิ่มเติมว่า จะต้องมีการสอบข้อเท็จจริงแล้วสรุปเรื่องเสนอที่ประชุมกรรมการมรรยาททนายความ ที่ผ่านมามีการประชุมลงโทษทนายความไปแล้วรวม 30 คน โทษคือการพักใบอนุญาตทนายความ