กองปราบยกทีมสอบ"พี่อ้อย" ถึงปากช่อง แฉ "ทนายตั้ม"สุดแสบ งัดสารพัดมุกต้มตุ๋นจนเปื่อย รวมความเสียหาย กว่า 100 ล้าน พบเข้าข่ายฉ้อโกงจนเป็นกิจธุระ เล็งเอาผิดข้อหาฟอกเงินเพิ่ม
วันนี้ ( 29 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. นำคณะพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เดินทางไปจ.นครราชสีมา เมื่อวานที่ผ่านมา เพื่อสอบปากคำ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีนีหมื่นล้านที่ถูก นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ฉ้อโกงเงิน จำนวน 71 ล้านบาท แต่ด้วยเนื้อหาทางคดีที่ค่อนข้างซับซ้อนและมีรายละเอียดมาก รวมไปถึงพยานบุคคลที่ต้องสอบปากคำมีจำนวนหลายปาก ทำให้จนถึงตอนนี้การสอบปากคำคุณอ้อย รวมไปถึงพยานคนอื่น ๆ จึงยังไม่แล้วเสร็จ แม้จะกินเวลามาเกือบ 2 วันแล้วก็ตาม
ขณะเดียวกันทางพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการซื้อรถเบนซ์ G-Class สีดำ ที่ผู้เสียหายฝากให้ทนายตั้มซื้อให้เพื่อใช้ตอนที่กลับมาไทย หลังพบว่าทนายตั้มมีการเบิกเงินจากผู้เสียหายไปจำนวน 13-14 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อรถ แต่ราคารถคันดังกล่าวจริง ๆ นั้นราคาเพียงแค่ 8 ล้านบาท ทำให้เกิดส่วนต่าง 5-6 ล้านบาท
นอกจากนี้จากการสอบปากคำคุณอ้อย เจ้าหน้าที่ยังทราบว่า นอกเหนือจากการหลอกเงินลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ 71 ล้านบาท กับ ซื้อรถเบนซ์ G-Class แพงเกินราคาแล้ว ยังพบว่ามีการหลอกให้นำเงินไปช่วยใช้หนี้ให้กับคนใกล้ชิดอีก จำนวน 39 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของกรณีนี้ยังพบว่ามีการอุปโลกน์หรือสร้างตัวละครเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือด้วยอีกหลายคน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตามหากผู้เสียหายมีความประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับกรณีรถเบนซ์ รวมไปถึงกรณีหลอกให้ช่วยใช้หนี้ให้กับคนใกล้ชิดของทนายตั้มเพิ่มเติมอีก 2 คดี ก็จะทำให้พฤติกรรมของทนายคนดังเข้าข่ายความผิด ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐาน แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งจะมีเรื่องของการยึดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดตามมา