รอง ผบช.ก.เชิญอดีต ตำรวจ ปคบ. สามี"เจ๊พัช" ให้ปากคำปมตบทรัพย์ 10 ล้าน - ทนายเผย "พอสพอล" สั่งฟอร์มทีมรับออเดอร์แจ้งจับแม่ข่ายแปรพักตร์ -นักร้อง-ทนายตบทรัพย์ ลิสต์รายชื่อยาวเป็นหางว่าว ขู่มีหลักฐานนับ 100 คลิป
วันนี้ ( 26 ต.ค. ) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี "นักร้อง-ทนาย" ตบทรัพย์ "พอสพอล" ดิไอคอนกรุ๊ปว่าวันนี้พนักงานสอบสวนจะเชิญอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. สามีของน.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือเจ๊พัช มาให้ปากคำที่ บก.ปปป. หลังจากพบว่ามีคลิปเสียงปรากฎอยู่ด้วย ซึ่งคดีนี้ทางพนักงานสอบสวนจะทำให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเครื่องเซ่นไหว้จากบอสพอลหรือไม่ ก่อนจะไปดำเนินการหาข้อเท็จจริงในส่วนของเทวดาและนักร้องรายอื่น ๆ ต่อไป
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวถึงกรณีเพจสายไหมต้องรอด ที่นำพยานมาให้ข้อมูลเท็จว่า เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องจากนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ บอสพอล ตั้งแต่เย็นวานนี้แล้ว ตอนนี้ต้องขอดำเนินการในเรื่องของ น.ส.กฤษอนงค์ ก่อน แล้วจะดำเนินการตามขั้นตอนในส่วนนี้ต่อไป ส่วนกรณี พ.ต.อ.สมคิด สาวิสัย รอง ผบก.ภจ.สระบุรี หรือบอสตำรวจ ที่มีคลิปปรากฏอยู่ในบนเวทีของดิไอคอนว่า เบื้องต้นทราบว่าทางจเรตำรวจจะดำเนินการตรวจสอบ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหามียศเป็นนายตำรวจ
วันเดียวกัน นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล กล่าวถึงกรณีที่ได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินการฟ้องร้องนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือเอก สายไหมต้องรอด จากการนำพยานเท็จมาแถลงข่าวกับให้การกับตำรวจ ว่า ตอนนี้ได้รับมอบอำนาจมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ยื่นแจ้งความ เพราะต้องรอให้ทีมทนายความที่ดูแลเรื่องการดำเนินคดีกับบุคคลต่าง ๆ เป็นผู้ดำเนินการ โดยตนทำหน้าที่ต่อสู้คดีหลัก แต่เรื่องการฟ้องร้องดำเนินคดีกับบุคคลต่าง ๆ จะมีออเดอร์มาอีกเป็นหางว่าว จึงต้องตั้งทีมขึ้นมา
นายวิฑูรย์ เปิดเผยอีกว่า บอสพอลได้เตรียมมอบอำนาจให้ดำเนินคดีเป็นออเดอร์ที่ 4 เป็นแม่ข่ายสาวที่ไปออกมารายการดัง เพื่อชุบตัวจากแม่ข่ายให้กลายเป็นผู้เสียหาย ในข้อหาหมิ่นประมาทฯ เพราะแม่ข่ายรายนี้ได้รับเงินจากบริษัทเป็นจำนวนมาก แต่กลับไปออกรายการแล้วบอกว่าตนเองเป็นผู้เสียหาย และอาจจะพิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่มผู้เสียหายที่แม่ข่ายสาวรายนี้พามาแจ้งความด้วย เพราะต่างก็ได้ยอดกำไรจากการขายสินค้าไปเยอะแล้ว ส่วนกรณีทนายความคนดังที่มีการเรียกรับเงิน 7 ล้านบาทที่อ้างว่าจะนำไปคืนกับผู้เสียหายนั้น ตอนนี้พยานหลักฐานไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ขอให้ทีมงานตรวจสอบก่อน เพราะต้องการทำให้รัดกุม และจึงจะดำเนินคดี
นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า ตนมีหลักฐานเป็นคลิปเสียงอีกกว่า 100 คลิป ซึ่งต้องไปเอาจากกลุ่มเลขาบอสดิไอคอน โดยตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นคลิปเสียงของใครบ้าง ต้องนำมาตรวจสอบก่อน แต่ยืนยันว่า จะไล่ดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนการยื่นประกันตัวกลุ่มบอส ที่ถูกคุมขังตอนนี้จะยังไม่ยื่นประกันตัว คงต้องรอให้ตำรวจทำการสอบสวนจนพ้นการฝากขังผัดแรกไปก่อน แต่ก็มีการคุยกันว่า หากมีการยื่นประกันตัว อาจจะใช้หลักทรัพย์ประมาณ 5 ล้านบาท ส่วนกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้เข้าไปในเรือนจำฯ พร้อมกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. โดยอ้างว่าได้รับการยินยอมจากญาติของผู้ต้องหานั้น ยืนยันว่า ในห้องดังกล่าวที่ นายอัจฉริยะ เข้าไป เป็นห้องพนักงานสอบสวนที่แม้แต่ทนายความของผู้ต้องหาก็ยังเข้าไปฟังไม่ได้ ซึ่งตนได้สอบถามน้องสาวของโค้ชแล็ปแล้ว ยืนยันว่า ไม่รู้เรื่องดังกล่าว แต่ก็ไม่รู้ว่าภรรยาของโค้ชแล็ปจะมีการติดต่อไปหรือไม่
รายงานแจ้งว่ายอดผู้เสียหาย หลอกลวงลงทุน ของ บริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” ที่มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม ยอดรวมสะสม ระหว่างวันที่ 10 – 26 ตุลาคม 2567 สรุปยอด ณ เวลา 11.00 น. มีจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 3,424 ราย มูลค่าความเสียหายเฉพาะที่สอบปากคำแล้วรวม 1,168 ล้านบาทเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป นัดหมาย อดีตสามีของ นางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงประเด็นที่มีคลิปเสียง ในโทรศัพท์มือถือของบอสพอลในช่วงบ่ายของวันนี้นั้น ทำให้สื่อมวลชนหลายสำนักมาปักหลักรอ ที่หน้าอาคารกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่กลับไม่พบว่าอดีตสามีของนางสาวกฤษอนงค์ เดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง นางสาวกฤษอนงค์ ว่าทราบหรือไม่ ว่าอดีตสามีจะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ นางสาวกฤษอนงค์ ตอบเพียงสั้นๆว่า ไม่ทราบ และตอนนี้อยู่กับลูกขอให้เป็นไพรเวท(ส่วนตัว)
จากการสอบถาม พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. ที่เดินทางมายังตึกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า ไม่ทราบเรื่องที่อดีตสามีของนางสาวกฤษองค์จะเข้ามาให้ปากคำ เพราะเป็นคนละส่วนกัน แต่เมื่อถามว่าจะมีการส่งสำนวนคดีของผู้เสียหายทั้งหมดให้ทันภายในวันที่ 28 ตุลาคม หรือไม่นั้น พล.ต.ต.วิทยา ปฏิเสธการตอบคำถามดังกล่าว ก่อนจะเดินขึ้นตึกไป