“บอสพอล” ยอมรับกับตำรวจบุคคลในคลิปเสียงฉาว คือ นักการเมือง ส. เตรียมชง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พิจารณาสั่งการ ด้านทีมงานทนายเดชา ร้อง ปคบ. ตรวจสอบ พระ ว.วชิรเมธี รับ 1 ล้าน เทศนาชวนร่วมลงทุน
วันนี้ (17 ต.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการสอบปากคำ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เมื่อคืนที่ผ่านมา เกี่ยวกับกรณีคลิปเสียง 2 คลิปฉาว ที่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ นั้น เจ้าตัวยอมรับว่า บุคคลที่อยู่ในคลิปเสียง คือ นักการเมือง ส. ตามที่ปรากฏเป็นข่าวจริง ส่วนเรื่องคลิปเสียงเทวดา เจ้าตัวยอมรับว่า เป็นการพูดคุยกับลูกน้องของตัวเอง ในเชิงว่า การจะทำธุรกิจลักษณะนี้จะต้องมีเครื่องเซ่นเทวดา ธุรกิจถึงจะราบรื่น ซึ่งหลังจากทางพนักงานสอบสวนจะทำเรื่องเสนอ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พิจารณาสั่งการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวต่อไป
ต่อมาเวลา 13.30 น. น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ว่าเข้าข่ายสนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนในคดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” หรือไม่
น.ส.อำนวยพร กล่าวว่า วันนี้มายื่นร้องทุกข์กล่าวโทษพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จากกรณีที่เคยไปเทศนาที่บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ซึ่งหลักฐานที่นำมาในวันนี้ เป็นคลิปกับภาพที่ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี เทศนาเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง ให้กับสมาชิกหรือตัวแทนดิไอคอน ซึ่งในการเทศนาธรรมดังกล่าวช่วงหนึ่ง มีการพูดชักชวนว่า “หนูอยากรวยเลยพรุ่งนี้ อาจารย์บอกลูกเอ๋ย ถ้าอย่างนั้นก็ดิไอคอนแล้ว” ท่ามกลางผู้ฟังที่มีมากกว่า 1,000 คน
“การกระทำดังกล่าวทำให้คนที่กำลังลังเลเลือกตัดสินใจลงทุน เนื่องจากมีความเชื่อมันและศรัทธาในตัวของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี สำหรับเรื่องเจตนาหรือไม่ เป็นหน้าที่ทางตำรวจที่จะต้องทำการเรียกตัวพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี มาสอบสวนเพื่อชี้แจง และให้เป็นหน้าที่ของสำนักพระพุทธศาสนาในการตรวจสอบ” น.ส.อำนวยพร กล่าว
น.ส.อำนวยพร กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องเงินที่ทางดิไอคอน กรุ๊ป นำไปถวายให้กับพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ขณะนี้มีหลักฐานเพียงแค่ 1 ล้านบาท แต่ทราบมาว่า พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี มีการไปเทศนาทุกปี ส่วนจะรับเงินในทุกปีด้วยหรือไม่นั้น ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน แต่ในส่วนเงินที่รับไปแล้ว 1 ล้านบาท หากพบว่าเป็นเงินที่มาจากการกระทำความผิดของดิไอคอน กรุ๊ป ก็จะต้องถูกอายัดคืนเช่นกัน ทั้งนี้ ยืนยันว่า ตนไม่กลัวกระแสตีกลับจากเหล่าลูกศิษย์ของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี เพราะตนทำเพื่อผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง
