"ลีซอ ธีรเทพ" พบ ตำรวจ ปคบ.แสดงความบริสุทธิ์ใจ ยันเป็นผู้เสียหาย ไม่มีลูกข่าย ไม่เคยขายของ เผยลงทุน 2.2 แสน เพราะอยากช่วยคนสนิทที่เป็นแม่ข่าย
วันนี้ ( 15 ต.ค. ) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พา นายธีรเทพ วิโนทัย หรือ ลีซอ อายุ 39 ปี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติ เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ในคดีดิไอคอนกรุ๊ป
โดย กัน จอมพลัง กล่าวว่า เนื่องจากก่อนหน้านี้มีประเด็นของภาพคุณลีซอที่มีการเผยแพร่พร้อมตั้งคำถามว่า คุณลีซอเป็นผู้เสียหายหรือเป็นแม่ทีมกันแน่ ต่อมาเมื่อวานนี้ทางภรรยาของลีซอก็ได้เดินทางเข้ามาให้ปากคำไปแล้ว วันนี้คุณลีซอจึงเดินทางเข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมายืนยันความบริสุทธิ์ใจด้วยเช่นกัน แต่จากการพูดคุยเบื้องต้น ทราบว่า สินค้าที่คุณลีซอสต็อกมาไม่ได้ปล่อยออกและยังไม่ได้หาลูกทีม ก็จะเป็นเหมือนคนทั่วๆไป ที่เปิดดีลเลอร์และไม่ได้ปล่อยสินค้า นอกจากนี้ยังได้พาพยานบุคคลสำคัญเป็นอดีตผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวมาด้วย เนื่องจากขณะที่อดีตผู้บริหารดังกล่าวออกรายการโหนกระแสอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการติดต่อมาว่า อยากให้พามาให้ปากคำ เนื่องจากคาดว่าบุคคลดังกล่าวจะมีข้อมูลเยอะ
ด้าน ลีซอ กล่าวว่า วันนี้มาแสดงจุดยืนชัดเจนว่าเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากไม่ได้มีการส่งต่อหรือหาลูกทีมใด ๆ โดยเหตุผลที่ตนไปเจอกับบอสพอล เนื่องจากได้รู้จักกับแม่ข่ายคนหนึ่งเป็นการส่วนตัว และก็มีโอกาสพูดคุยกัน โดยเริ่มแรกได้พูดคุยกันในส่วนของที่ตรวจ ATK เพราะภรรยาทำธุรกิจเกี่ยวกับ ATK จากนั้นเเม่ข่ายคนดังกล่าวก็ได้ชักชวนให้เข้าไปพูดคุยกันต่อในออฟฟิศ ซึ่งตนคิดว่าจะพูดคุยกันในส่วนของธุรกิจภรรยา จึงเดินทางไปด้วย แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าแม่ข่ายคนดังกล่าวพยายามชักชวนและพูดถึงสินค้ารวมไปถึงการลงทุนของดิไอคอน ระหว่างนั้นตนก็ได้พบกับบอสพอล โดยบอสพอลได้มีการขอถ่ายรูปกับตน แต่ตนไม่ได้คิดอะไรจึงถ่ายไป
"ยืนยันว่าครั้งนั้นเป็นการเจอกันครั้งแรกและครั้งเดียว หลังจากที่ได้ถูกชักชวนและโน้มน้าวจากแม่ข่ายคนสนิท ก็ตัดสินใจร่วมลงทุน เนื่องจากคิดว่าเป็นคนสนิทก็ช่วยๆไป" ลีซอ กล่าว
ลีซอ กล่าวอีกว่า ตนลงทุนไปจำนวน 220,000 บาท เนื่องจากตอนนั้นมีโปรโมชัน โดยเป็นการสต็อกสินค้าคอลลาเจนประมาณ 10 ลัง ซึ่งตนไม่ได้รับของมา เป็นการสต็อกของเอาไว้ที่บริษัท เพราะทางฝั่งนั้นให้ความเชื่อมั่นว่าไม่ต้องห่วง เหมือนกับเคสของผู้เสียหายหลายๆ คน ตนไม่เคยขายของออกไป เพราะไม่ได้ตั้งใจจะขายตั้งแต่แรก และจากที่ตนตรวจสอบทางบริษัทมีการขายสินค้าดังกล่าวผ่านช่องทางออนไลน์ในราคาที่ถูก แต่ขายให้กับดีลเลอร์ในราคาที่ต่างกัน ซึ่งตนมองว่าหากจะขายปลีกก็ขายลำบาก และไม่ใช่เส้นทางของตน โดยวันที่ตนเข้าไปพบแม่ข่ายคนสนิทที่ออฟฟิศ มีรถซุปเปอร์คาร์จอดอยู่ประมาณหนึ่ง ในตอนนั้นดูเหมือนน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทราบข่าว ก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร เพราะเป็นสิ่งที่หากเขาทำก็ต้องยอมรับในเหตุผลที่เขาทำ ในวันนี้ตนก็มาในฐานะผู้เสียหาย เนื่องจากรู้สึกว่าทางบริษัทไม่ได้บอกข้อมูลทั้งหมด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกับแม่ข่ายคนสนิทเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ ลีซอ ระบุว่า ไม่เคยพูดคุยกันเรื่องนี้ แต่พบเจอก็ทักทายกันปกติ ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ได้ติดใจอะไร ที่ตัดสินใจลงทุนเพราะเป็นขี้สงสารและคนชอบช่วยเหลือคนสนิทอยู่แล้ว