รอง ผบช.น.แถลงจับกุม “สันติ” อดีตนักมวยดัง หลังคุมตัวสอบที่ สน.บางซื่อ ผู้ต้องหายอมรับติดยาเสพติด ส่วนที่ต้องหนีไป จ.อำนาจเจริญ เพราะต้องการพบลูกอีกครั้ง แล้วขอมอบตัว
วันนี้ (7ต.ค.) ที่ สน.บางซื่อ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 และตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลจับกุมนายสันติ อดีตนักมวยชื่อดัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4903/2567 ลงวันที่ 4 ต.ค.67 ในความผิดพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือชุมชน และบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืนฯ ซึ่งขณะตำรวจเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ยิงต่อสู้เจ้าพนักงานและหลบหนีบริเวณซอยอินทามระ 29 แยก 3 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา
จนกระทั่งล่าสุดสามารถติดตามจับกุมได้คนร้ายได้บริเวณด่าน ตรวจของ สภ.โพธิ์กลาง ถนนมิตรภาพมุ่งหน้าขาเข้า บริเวณปากทางเข้าบ้านคลองกระบือ หมู่ 7 ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกับ กก.สส.บก.น.2 สน.บางซื่อ และ สน.เตาปูน ได้สืบสวนติดตามคนร้ายจากกล้องวงจรปิด พบว่าหลังจากก่อเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีข้ามถนนวิภาวดีมายังฝั่งอาคารตลาดหลักทรัพย์ แล้วเดินทางไปที่ แฟลตห้วยขวาง เพื่อไปเอาเงินที่ฝากไว้กับเพื่อนกว่า 27,000 บาท จากนั้นได้เปลี่ยนชุดเป็นพนักงานส่งอาหาร สวมหมวกนิรภัยสีดำเต็มใบ เดินออกมา ปากซอยประชาสงเคราะห์ 30 แล้วนั่งวินรถจักรยานยนต์มาที่ซอยรามคำแหง 53 จากนั้นเดินเท้ามาตามถนนเลียบคลองแสนแสบ มาถึงซอยรามคำแหง 65 และเดินทางต่อเนื่องไปถึงซอยลาดพร้าว 112 จึงได้ถอดชุดพนักงาน ส่งอาหารทิ้งแล้วนั่งรถยนต์แท็กซี่ไปที่จังหวัดปทุมธานี รอจนเช้าจึงนั่งแท็กซี่ไปหาที่พักย่านรังสิต คลอง 4 พักจนเย็น จึงนั่งแท็กซี่มาที่ห้องพักรายวันในพื้นที่ อ.วังน้อย พักอยู่อีกประมาณ 2 วัน จึงเหมารถแท็กซี่ 8,000 บาท เพื่อหลบหนีไปยังภาคอีสาน
ต่อมาสืบสวนทราบว่า คนร้ายจะเดินทางไปยังภาคอีสาน ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านเกิด จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจต่างๆ ตามเส้นทางการหลบหนี กระทั่งวันนี้ (7 ต.ค.) เวลาประมาณ 00.30 น. สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ตั้งจุดตรวจจุดสกัด พบรถแท็กซี่ต้องสงสัย และขอเข้าทำการตรวจค้น ปรากฏว่า นายสันติได้วิ่งหลบหนี ตำรวจได้ติดตามจนสามารถจับกุมตัวและตรวจค้นพบอาวุธปืนลูกโม่ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน .38 จำนวน 15 นัด ตรวจค้นกระเป๋านายสันติที่อยู่ในแท็กซี่ พบอาวุธกึ่งออโตเมติก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน จำนวน 17 นัด
จากการตรวจสอบพบมีหมายจับติดตัวจำนวน 4 หมาย ดังนี้ 1.หมายจับศาลจังหวัดอำนาจเจริญ (หนีประกันศาล) ความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหะสถานฯ 2.หมายจับศาลอาญา (สน.เตาปูน) ความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน 3.หมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น (สภ.เมืองขอนแก่น) ความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหะสถานฯ และ 4.หมายจับศาลอาญา (สน.บางซื่อ) ความผิดฐาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตาม หน้าที่ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่
จากการสืบสวนพบว่า คนร้ายได้ก่อเหตุลักทรัพย์ต่อเนื่องในหลายท้องที่ ดังนี้ เมื่อ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา ก่อเหตุลักทรัพย์ได้เงินสด 900 บาท สุรา 1 ขวด ในพื้นที่ สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคามวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ก่อเหตุลักทรัพย์ใน พื้นที่ สภ.เมืองข่อนแก่น วันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ก่อเหตุลักทรัพย์ได้ทรัพย์สิน 14 รายการ มูลค่ากว่า 3 แสนบาท ในพื้นที่ สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชศรีมา และในวันเดียวกันไปก่อเหตุบุกรุกเคหะสถานในพื้นที่ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี และวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมาได้ก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ สน.เตาปูน ทั้งนี้ผู้ต้องหาได้ไล่ก่อเหตุ มาตั้งแต่จังหวัดมหาสารคาม ขอนแก่น สระบุรี จนมาก่อเหตุที่กรุงเทพฯ
นายสันติ รับสารภาพว่า ติดยาเสพติด ต้องการเงินเพื่อมาเสพยา และได้ยืนยันว่าวันเกิดเหตุได้หลบหนีเอง ส่วนทรัพย์สินที่ได้จากการลักทรัพย์จะเอาเงินหรือทรัพย์สินไปฝากไว้กับภรรยา เพื่อให้ภรรยาแปลงทรัพย์สินที่ขโมยมาได้ ส่วนภรรยาไม่ได้ร่วมก่อเหตุด้วย ที่เอาปืนจี้ตำรวจหลบหนีเกิดจากความเครียดเพราะมีการทะเลาะกันกับผู้ต้องหามาโดยตลอด สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนายสันติ อ้างว่าได้มาจากเพื่อน แต่จากการตรวจสอบของตำรวจพบว่า อาวุธปืนเป็นปืนที่ได้มาจากการขโมยมา เจ้าหน้าที่จะส่งไปยังกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจสอบ
นอกจากนี้นายสันติ ยังรับสารภาพอีกด้วยว่าสาเหตุที่หลบหนีไปยังจังหวัดยโสธรเพื่อที่จะไปพักและต้องการเดินทางต่อไปยังจังหวัดอำนาจเจริญเพื่อต้องการพบลูกอีกครั้ง หลังจากนั้นจะติดต่อขอเข้ามอบตัว แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน ส่วนที่ต้องยิงตำรวจในวันเกิดเหตุนั้นนายสันติอ้างว่า ได้วิ่งหลบหนีตำรวจเกือบสุดทางและเหนื่อย จึงต้องการหยุดยั้งไม่ให้ตำรวจติดตามตัวได้ ส่วนที่เข้าบ้านผู้เสียหายนายสันติได้อ้างตัวเป็นตำรวจเพราะต้องการหาน้ำกินเท่านั้น หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะคุมตัวนายสันติส่งไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ และฝากขังในวันพุธนี้ต่อไป