ตม.จับสาวจีนคาคอนโดหรู ย่านพระราม 4 หลังหลอกเหยื่อหลายราย อ้างช่วยวิ่งเต้นเป็นแอร์สายการบินดัง เชิดเงิน 7.5 ล้านบาท หนีมาอยู่ในไทย
วันนี้ ( 7 ต.ค.) พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 เปิดเผยว่า พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง หรือชาวต่างชาติที่กระทำความผิดและหลบหนีการจับกุม โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านหรือที่ซ่อนตัว ซึ่งเป็นความรับผิดชอบหลักของ สตม.
โดยสั่งการและกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวนเน้นลงพื้นที่ X-RAY สืบสวนหาข่าวกับสายข่าว และประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง บก.ตม.1 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับเบาะแสจากพลเมืองดีว่า มีบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน เชื่อว่าจะอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และมีพฤติกรรมน่าสงสัย เก็บตัวและมักปกปิดใบหน้าสวมหมวกใส่แมสก์ตลอดเวลาเมื่อต้องออกมาจากที่พักอาศัย จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 นำชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยวางกำลังสังเกตการณ์อยู่บริเวณด้านล่างของอาคารที่พัก ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งในย่านพระราม 4
ต่อมา พ.ต.ท.สุริยะ พ.ต.ท.ทวีทรัพย์ ชัยภูมิ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 และทีมชุดปฏิบัติ พบบุคคลต้องสงสัยมีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงตามข้อมูลของสายลับ ปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิดและลงมารับอาหารที่บริเวณชั้นล่าง จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ขอตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทางพบว่าบุคคลต่างด้าวต้องสงสัยคนดังกล่าวเป็นชาวจีน ชื่อ น.ส.JING QU (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตั้งแต่ช่วงปี 2565 โดยได้รับการตรวจลงตราประเภท TR-15 อนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นเวลา 15 วันเพื่อท่องเที่ยว ปัจจุบันอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดมาแล้วกว่า 650 วัน จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมายและส่งกลับประเทศ
ทั้งนี้ พ.ต.ท.สุริยะ ได้สอบถามผู้ต้องหาถึงสาเหตุการอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายในลักษณะดังกล่าว น.ส.JING QU มีพิรุธและพยายามเปลี่ยนเรื่อง บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ โดยให้การว่าเป็นแอร์โฮสเตส สายการบินชื่อดังแห่งหนึ่งและถูกเลิกจ้างกลางคัน แต่ไม่ปักใจเชื่อเพราะบุคคลต่างด้าวที่ทำหน้าที่ลูกเรือ จะได้รับการตรวจลงตราเป็นการเฉพาะ มิใช่ได้รับการตรวจลงตราในลักษณะ VISA ON ARRIVAL เพื่อการท่องเที่ยวเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจีนทั่วไป นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบข้อมูลในระบบหมายจับของตำรวจสากลพบว่า น.ส.JING QU เป็นบุคคลที่มีการหมายน้ำเงินของตำรวจสากล ซึ่งสำหรับหมายน้ำเงินของตำรวจสากล เป็นหมายที่แจ้งให้ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐในประเทศสมาชิกตำรวจสากล รวบรวมข้อมูลการเคลื่อนไหว ถิ่นพำนัก บุคลิกลักษณะของบุคคลที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อนำไปสู่การออกหมายแดงหรือประกาศจับ
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองชุดจับกุมจึงประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศจีน จนได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ห้วงประมาณปี 2559-2562 สำนักงานความมั่นคงสาธารณะมณฑลโจวผิง ประเทศจีน สืบสวนคดีฉ้อโกงซึ่งมี น.ส.JING QU เป็นผู้ต้องหา โดยหลอกเหยื่อว่าสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นให้เหยื่อทำงานเป็นแอร์โฮสเตส หรือสจ๊วต ให้กับสายการบินชื่อดังหลายแห่งได้ โดยมีผู้เสียหายจำนวน 6 คนหลงเชื่อ ยอมจ่ายเงินให้กับผู้ต้องหาไปเป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 7.5 ล้านบาท จากนั้นผู้ต้องหานำเงินที่ได้มาส่วนหนึ่งทำศัลยกรรมใบหน้าใหม่ เพื่อให้ผู้เสียหายจำไม่ได้ และปกปิดใบหน้าตลอดเวลา ก่อนจะหลบหนีมาซ่อนตัวในประเทศไทย และถูกจับกุม
พ.ต.ท.สุริยะกล่าวว่า สตม.มีระบบตรวจสอบเชื่อมโยงหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในระดับสากลที่เข้มข้น มีมาตรการชัดเจนในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามคนต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และจะไม่ยอมให้ไทยถูกใช้เป็นที่พักพิงหลบหนีหรือที่ซ่อนตัวของชาวต่างชาติที่กระทำความผิดร้ายแรงในต่างประเทศ พร้อมทั้งฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนผ่านผู้สื่อข่าว ให้ช่วยเป็นหูเป็นตา สอดส่อง หากพบบุคคลที่มีความผิดปกติหรือต้องสงสัยในลักษณะเดียวกันนี้ กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่หมายเลข 1178