กลุ่มผู้เสียหายกว่า 200 ราย ร้อง สอท.ฟัน "แม่ใบหนาด" ฉ้อโกงไลฟ์ขายทองแต่ไม่ได้ทอง มูลค่าความเสียหายกว่า 85 ล้านบาท
วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. กลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกซื้อทองจากบริษัทแห่งหนึ่ง เข้าพบพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว หลังมีการหลอกขายทองราคาถูกกว่าครึ่ง ของราคาตลาดสุดท้ายกลายเป็นทองทิพย์ เสียเงินแต่ไม่ได้ของ
ผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ตนเองสูญเงินไปกว่า 560,000 บาท เนื่องจากตรวจสอบบัญชีการโอนเงิน พบว่าเป็นชื่อบริษัท นอกจากนี้ ผู้ขายยังมีการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านการจัดงานวันเกิด ซึ่งมีการเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา นักแสดง ไปร่วมงาน ทำให้ตัดสินใจซื้อทอง โดยซื้อมานานกว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งก็เคยได้รับทองจริง เป็นทองคำแท่งน้ำหนัก 10 บาท ขณะนั้นซื้อมาในราคา 100,000 กว่าบาท จากนั้นขายไปได้ราคา 300,000 กว่าบาท แล้วจึงซื้อทองเพิ่มอีกรวมน้ำหนัก 40 บาท มูลค่า 560,000 บาท แต่รอบนี้ ไม่ได้รับของแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 เปิดเผยว่า ผู้เสียหายมีการซื้อทองจากผู้ขายรายนี้ผ่านทางโซเชียลมีเดียในราคาที่ถูก ซึ่งหากซื้อเพิ่มขึ้น ราคาทองก็จะถูกลงเรื่อยๆ เช่น ทองน้ำหนัก 1 บาท ราคาอาจจะถูกถึง 20,000 บาทไปจนถึง 8,000 บาท ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นที่ซื้อ ซึ่งเริ่มแรก จะมีการซื้อขายตามปกติ ผู้เสียหายก็ได้รับของจริงๆ จนทำให้มีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก แต่ต่อมาเมื่อซื้อเพิ่มก็จะไม่ได้รับของ
โดยพฤติกรรมแบบนี้ พล.ต.ต.นิพล เปิดเผยว่า ลักษณะเป็นการหมุนเงิน นำเงินจากผู้เสียหายรายหลัง ไปจ่ายให้กับกลุ่มแรก หมุนเวียนไปจนเรื่องแดงขึ้น โดยผู้ขายยังอ้างว่าการที่ขายทองราคาถูกได้ เพราะเป็นเจ้าของห้างทอง แต่จากการตรวจสอบพบว่า ที่อ้างเป็นห้างทอง มีเพียงฉากหลังที่นำมาถ่ายรูปหลอกเท่านั้น แต่ทองที่ผู้เสียหายได้เป็นของห้างทองอื่น
ขณะที่ พลตำรวจตรี จิระวัฒน์ พยุงธรรม รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจทราบว่าคดีนี้มีผู้เสียหายประมาณ 500 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 85 ล้านบาท โดยมีประมาณ 200 คนที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งให้รวมคดีผู้เสียหายทั้งหมด โดยมอบหมายให้ บช.สอท. เป็นผู้รับผิดชอบ ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด
ด้าน พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า การกระทำของผู้ขายทองดังกล่าว มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคด้วย โดย บช.สอท. ได้เตรียมพนักงานสอบสวนจำนวน 35 นาย ไว้รองรับในการสอบปากคำผู้เสียหาย โดยหลังจากสอบปากคำผู้เสียหายในวันนี้เสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนจะรวบรวมหลักฐานเตรียมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทันที