"ทนายปราบโกง" แจ้ง ปปป.เอาผิดอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลออกใบอนุญาตให้โรงงานแป้งมันโคราชขุดเจาะบาดาลโดยมิชอบ
วันนี้ (7 ต.ค.) ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายกฤษฎา อินทามระ หรือ “ทนายปราบโกง” เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ร้องทุกข์กล่าวโทษอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลออกใบอนุญาตให้โรงงานแป้งมันใน จ.นครราชสีมา ขุดเจาะบาดาลโดยมิชอบ
นายกฤษฎา กล่าวว่า เมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านเกี่ยวกับการใช้น้ำบาดาลของโรงงานแป้งมันสำปะหลังในตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา มีการทำความผิดเกี่ยวกับการใช้น้ำบาดาลโดยมีเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อประโยชน์ให้แก่โรงงานแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไปใช้โดยมิชอบสร้างความเสียหายแก่รัฐและประชาชนมาเป็นเวลานานหลายปีต่อเนื่องกัน
นายกฤษฎา กล่าวว่าต่อมาได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหลังโรงงานซึ่งเป็นที่ดิน สปก.รวม 600 ไร่ ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังเกี่ยวกับการปล่อยน้ำเสียลงไปในที่ดินของ สปก.จึงพบว่า สภาพที่ดินมีการขุดเจาะน้ำบาดาลในพื้นที่ของ สปก.จริง จึงไปขอข้อมูลใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลจากสำนักควบคุมกิจการน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีรายละเอียดของการออกใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลให้แก่โรงงานรวมจำนวนทั้งสิ้น 74 บ่อ หรือ 74 ใบอนุญาต เมื่อเข้าไปตรวจสอบแล้วจึงพบข้อพิรุธหลายประการคือ ใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลจำนวน 10 บ่อหรือ 10 ใบอนุญาต บ่งชี้ว่าน่าจะเกิดจากการกระทำความผิดของอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลช่วงปี 58 กล่าวคือ ตามข้อมูลใบอนุญาตมีการระบุสถานที่ใช้น้ำบาดาลในหมู่ที่ 4 ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีพิกัด และเลขหกหลักของทิศตะวันออก และเลขหกหลักของทิศเหนือ กำกับไว้เพื่อเป็นการยืนยันว่าผู้ขอใช้น้ำคือโรงงานแป้งมัน ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
นายกฤษฎา กล่าวต่อว่าแต่เมื่อตนตรวจสอบด้วยการใช้แอป IGCT ของสำนักงานน้ำบาดาลกลับพบว่า บ่อบาดาลทั้ง 10 บ่อหรือ 10 ใบอนุญาตไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่แท้จริงตามที่ได้รับอนุญาตแต่กลับแสดงผลออกมาว่าไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านบ้าง อยู่ในทะเลบ้าง ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 58 จนถึงปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า มีการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการออกใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลให้แก่โรงงาน โดยมีเจตนาพิเศษเอื้อประโยชน์ให้แก่โรงงานสูบน้ำบาดาลซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไปโดยมิชอบมาเป็นเวลานานหลายปีต่อเนื่องกันและเมื่อครบกำหนดใบอนุญาตทุกสองปีผู้กระทำความผิดก็มีการปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการต่อใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลให้แก่โรงงานดังกล่าวต่อไป
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่าความผิดอีกประการหนึ่งก็คือ เมื่อตนพิจารณาจากใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลทั้ง 74 บ่อหรือ 74 ใบอนุญาตแล้ว เป็นที่แน่ชัดตั้งแต่ลงพื้นที่เมื่อเดือนกันยายนแล้วว่าทั้ง 74 บ่อหรือ 74 ใบอนุญาตอยู่ในที่ดินของ สปก.อย่างแน่นอน แต่ตามใบอนุญาตกลับพบพิรุธว่าผู้กระทำความผิดมีการระบุสถานที่ใช้น้ำบาดาลเป็นที่ดินมีโฉนดบ้าง ไม่มีโฉนดแต่มีเลขที่ดินบ้าง เมื่อตนนำใบอนุญาตทั้ง 74 บ่อ หรือ 74 ใบอนุญาตไปเปรียบเทียบกับใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลของนายจักรกฤช ซึ่งมาขอใช้น้ำบาดาลในหมู่ 4 ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เช่นเดียวกัน ตามใบอนุญาตของนายจักรกริช กลับมีระบุโดยละเอียดว่าที่ตั้งบ่อบาดาลอยู่ในที่ดินของ สปก.4-01 เลขที่ 1163 แปลงที่ 13 หมู่ที่ 4 ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นอกจากนี้ ใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลของชาวบ้านรายอื่นๆก็ระบุโดยละเอียดเช่นกันว่า สถานที่ใช้น้ำบาดาลเป็นที่ดินของ สปก.แทบทั้งสิ้น วันนี้ตนจึงต้องมาร้องทุกข์กล่าวโทษอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกับพวกตลอดจนเจ้าของโรงงานให้รับโทษตามกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ปปป.รับเรื่องไว้ ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการตามกฎหมายต่อไป