รรท.ผบ.ตร. สั่งการ ผู้การปากน้ำ เร่งตรวจสอบกรณีสาวร้องเพจดัง อ้างถูกร้อยเวรอมเงินไกล่เกลี่ยคดี ย้ำหากผิดจริง สั่งเอาผิดวินัย-อาญา ไม่มีละเว้น
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า จากกรณีปรากฏเป็นข่าว สาวร้องเพจสายไหมต้องรอด ถูกร้อยเวรเชิดเงิน หลังไกล่เกลี่ยลูกหนี้คดีเช็คเด้งให้ผ่อนจ่ายเป็นงวด สุดท้ายโดนตำรวจอมเงินไม่ส่งคืนเจ้าหนี้ ว่า เรื่องนี้ตนได้ สั่งการไปที่ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ให้ตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึก หากพบว่ากระทำผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหาจะต้องพิจารณาทั้งทางวินัยร้ายแรง และทางอาญา โดยไม่มีการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น
"เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างและเป็นบรรทัดฐานที่ดีกับตำรวจที่กระทำผิด เอาตำแหน่งให้ตำรวจดีๆ ขึ้นมาเป็นสัญญาบัตรดีกว่า และหากเด็ดขาดแบบนี้ จะทำให้ประชาชนเขาเชื่อใจว่าตำรวจไม่ช่วยกันและทำตรงไปตรงมา" รรท.ผบ.ตร. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าว เหตุจาก น.ส.วนิศา อายุ 34 ปี ร้องขอความช่วยเหลือ จากนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เนื่องจากถูกตำรวจ สน.สำโรงใต้ โกงเงิน 30,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ลูกหนี้ของตนฝากให้มาใช้หนี้ผ่านตำรวจ โดยผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองทำธุรกิจโรงกลึง แต่เมื่อปี 2564 ถูกลูกค้ารายหนึ่งจ่ายเช็คเด้งมูลค่า 642,252.10 บาท ให้กับตน จึงไปได้แจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.สำโรงใต้
โดยมีรองสารวัตรสอบสวนนายหนึ่ง เป็นผู้รับผิดชอบคดีดังกล่าวและมีการเจรจาไกล่เกลี่ย จนคู่กรณียอมชดใช้เงินคืนให้เต็มจำนวนและทำบันทึกข้อตกลง ตั้งแต่ตุลาคม 2566 โดยทุกครั้งที่ผ่านมาลูกหนีนำเงินมาคืนจะต่อหน้าตำรวจ และเธอจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กับรองสารวัตร 10% ของยอดเงินทั้งหมด ผู้เสียหายยืนยันที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเลย ลูกหนี้ใช้หนี้ได้เกือบ 3 แสนบาทแล้ว กระทั้งเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เธอไม่สามารถติดต่อรองสารวัตรรนดังกล่าวได้เลย
ต่อมาเดือนกันยายน อดีตสามีของเธอไปสอบถามจากลูกหนี้คนดังกล่าวถึงเงินที่เหลือ ก็บอกว่านำเงินมาฝากไว้กับตำรวจแล้วตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม จำนวน 2 หมื่นบาท และเมื่อวันที่ 6 ก.ย.จำนวน 10,000 บาท ซึ่งเธอและอดีตสามีก็ งง และพยายามติดต่อไปสอบถามยัง รองสารวัตรคนดังกล่าว จนเจ้าตัวยอมรับว่าเงินอยู่ที่ตนจริง 30,000 บาท และนัดไปเอาสิ้นเดือนกันยายนเพราะลูกหนี้จะเอาเงินมาใช้เพิ่มอีกก้อนหนึ่ง แต่พอถึงสิ้นเดือนกันยายนตามที่นัดหมาย ตำรวจคนดังกล่าวก็ไม่ติดต่อมา ทำให้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงินและไม่สามารถติดต่อตำรวจได้ ทำให้เธอกังวลว่าจะไม่ได้เงิน 30,000 บาทคืน และทำให้ลูกหนี้ใช้เป็นข้ออ้างในการเบี้ยวไม่จ่ายหนี้ที่เหลือจนหมดอายุความ