MGR Online - ปปง. มีคำสั่งยึดทรัพย์ นายสฤษฎ์ อดุลย์พิจิตร กับพวก กลุ่มบัญชีม้าเอี่ยวนายทุนจีนสร้างคฤหาสน์หรู ย่านสนามบินน้ำ รวม 52 รายการ “ที่ดิน-ห้องชุด-บัญชีเงินฝาก” มูลค่า 2,561 ล้านบาท
จากกรณี สำนักงานป้องกันและปรามปราบการฟอกเงิน (ปปง.) ติดป้ายยึดทรัพย์โครงการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มทุนจีนพัฒนาคฤหาสน์หรู เริ่มหลังละ 200 ล้านบาท แพงสุด 700 ล้านบาท ย่านสนามบินน้ำ บนเนื้อที่ 30 ไร่ และเริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือน ก.พ.67 ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จในเดือน ก.พ.68 โดยเป็นตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่เลขที่ ย.193/2567
วันนี้ (5 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.193/2567 เรื่องยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายคดี นายสฤษฎ์ อดุลย์พิจิตร กับพวก กระทําความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ระหว่างวันที่ 22 ก.ย.65 – 27 ต.ค.65 ร่วมกันประกาศโฆษณาเผยแพร่ข้อความทางอินเทอร์เน็ตในแอปพลิเคชันไลน์และเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อบัญชีว่า "ณัฐชา องุ่น" และ "MooK" เชิญชวนให้สมัครใช้งานแอปพลิเคชัน "Streaming" ชักชวนให้มาลงทุนเป็นเงินสกุลบาทไทยและให้โอนเงินเข้าบัญชีในระบบที่กำหนดไว้เพื่อลงทุนเทรดเงินเหรียญดิจิทัล แล้วจะได้รับผลตอบแทนกําไรคืนเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นความเท็จ โดย นายสฤษฎ์ อดุลย์พิจิตร กับพวก ไม่มีเจตนาที่จะให้ผลตอบแทนคืนแก่ผู้ลงทุนตามที่ได้ประกาศโฆษณาเผยแพร่ ข้อความชักชวนไว้แต่อย่างใด
ส่วนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด คณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 11/2567 เมื่อวันที่ 18 ก.ย.67 จึงมีมติเห็นชอบให้เพิ่มความผิดฐานฟอกเงินตามาตรา 5 ในการดําเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินราย นายสฤษฎ์ อดุลย์พิจิตร กับพวกด้วย คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวจำนวน 52 รายการ พร้อมดอกผล นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่ง ถึงวันที่ 16 ธ.ค.67
สำหรับรายการทรัพย์สินที่ยึดอายัด ส่วนใหญ่เป็นโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในพื้นที่ จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ และ กรุงเทพฯ รวม 30 แปลง ยังมีห้องชุดในคอนโดหรู กลางเมืองกรุงเทพฯ อีก 10 ห้อง รวมทรัพย์สินทั้งหมด 40 รายการ ราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 2,256 ล้านบาท นอกจากนี้ เป็นเงินในบัญชีธนาคาร 12 รายการ รวมกว่า 305 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากรวมทั้งหมด จำนวน 52 รายการ มูลค่า 2,561 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบพบว่า นายสฤษฎ์ กับพวก มีความเกี่ยวข้องกับนายทุนจีน เป็นเพียงกลุ่มบัญชีม้าและไม่ใช่กลุ่มนายทุน แต่ก็เปิดโอกาสให้ชี้แจงว่าทรัพย์สินดังกล่าวได้มาอย่างไร ส่วนคดีอาญาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับทั้งขบวนการแล้ว อีกทั้ง เตรียมดำเนินคดีกับผู้รับเหมาหลังมีการรื้อป้ายของสำนักงาน ปปง. ติดประกาศไว้หน้าพื้นที่ก่อสร้าง ตาม “มาตรา 141” หรือ “มาตรา 141” ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดถอน ทำให้เสียหาย ทำลายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งตราหรือเครื่องหมายอันเจ้าพนักงานได้ประทับหรือหมายไว้ที่สิ่งใด ๆ ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ เพื่อเป็นหลักฐานในการยึด อายัดหรือรักษาสิ่งนั้น ๆ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ