ผู้ช่วย ผบ.ตร.เผย สถาบันนิติเวช เก็บตัวอย่าง DNA ครบทั้ง 23 ครอบครัวผู้เสียชีวิต จากเหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียนแล้ว จะใช้เวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง ในการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล
วันนี้ (2 ต.ค.) พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางมายังสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์รถบัสไฟไหม้ รวมถึงตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจญาติผู้สูญเสีย โดยมี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ให้การต้อนรับ
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวว่า วันนี้จะดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์ เพื่อให้ญาติผู้เสียชีวิตได้รับร่างไปบำเพ็ญกุศล ซึ่งทางสถาบันนิติเวชวิทยาจะใช้เวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง ในการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล โดยขณะนี้สามารถเก็บตัวอย่าง DNA จากครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้งที่เดินทางมาเก็บตัวอย่างที่สถาบันนิติเวชวิทยา และอีก 8 ราย ที่อยู่ จ.อุทัยธานี ครบทั้ง 23 รายแล้ว ซึ่งในวันนี้จะมีการประชุมเพื่อเร่งรัดให้มีการตรวจ DNA ให้เร็วที่สุด เพราะเข้าใจความรู้สึกของครอบครัวผู้สูญเสีย แต่จะต้องทำให้สมบูรณ์ที่สุดและไม่ให้มีข้อผิดพลาด จึงยังขอไม่รับปากว่าจะสามารถส่งมอบศพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตในวันนี้ได้เลยหรือไม่
สำหรับญาติผู้เสียชีวิตนั้น ทางรัฐบาลได้กำชับมาว่าให้ดูแลเป็นอย่างดี โดยได้มีการประสานเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานมาให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะการดูแลสภาพจิตใจ ได้มีการประสานทางเจ้าหน้าที่ทีมเยียวยาจิตใจจากกรมสุขภาพจิต แพทย์ตำรวจด้านจิตวิทยา และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุทัยธานี ลงมาให้การช่วยเหลือจัดเจ้าหน้าที่ประกบทุกครอบครัวผู้สูญเสีย รวมทั้งได้จัดให้เจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เข้ามาประสานการให้ความช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตในฐานะผู้เสียหายในคดีอาญาแล้ว
ส่วนครอบครัวที่เดินทางมาเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้จัดเตรียมอาหารการกินและทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดที่พักสำหรับครอบครัวที่เดินทางมาพักอาศัยในกรุงเทพฯ ด้วย สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือ ต้องฟื้นฟูจิตใจ ญาติผู้สูญเสียและต้องทำความเข้าใจแก่ญาติที่มารอคอยด้วยความหวังว่า อาจจะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลสักระยะ ก่อนส่งมอบร่างให้แก่ครอบครัว
ในส่วนเรื่องของการลำเลียงศพนั้น ได้มีการประสานเตรียมความพร้อมกับหลายหน่วยงาน ทั้งอาสาสมัครร่วมกตัญญูและตำรวจทางหลวง เมื่อศพใดที่พร้อมส่งกลับแล้ว ก็จะจัดเตรียมรถตำรวจทางหลวงนำขบวนให้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ญาติผู้เสียชีวิต อาจจะไม่ได้ไปพร้อมกันทีเดียว ร่างไหนเสร็จก่อนก็สามารถให้กลับก่อนได้เลย ส่วนการตั้งบำเพ็ญกุศล ก็แล้วแต่ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตว่าจะรวมกันหรือแยกกันจัด
ส่วนเรื่องทางคดีนั้นไม่ต้องกังวล เพราะเป็นเรื่องที่ชัดเจนและเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่แล้ว ใครผิดอะไรก็ว่าไปตามผิด การหลบหนีไม่ให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการตรวจสภาพความเสียหายของรถนั้น เป็นหน้าที่ของพิสูจน์หลักฐานในการดำเนินการ แม้ทางขนส่งจังหวัดอ้างว่ามีการตรวจสอบถูกต้อง แล้วก็ต้องตรวจสอบต่อไปว่าถูกต้องแบบไหน อย่างไร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะต้องมาดำเนินการตรวจสอบอยู่ในรูปคดี
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จัดพนักงานสอบสวน ประกบครอบครัวทั้งผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิตครอบครัวละ 1 นาย รวมทั้งสิ้น 44 นาย เพื่ออำนวยความสะดวกในการสอบปากคำ หากครอบครัวไหนไม่สะดวกที่จะเดินทางมายังกรุงเทพฯ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะลงพื้นที่ไปสอบปากคำด้วยตนเองหรือประสานให้ทางตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี ดำเนินการต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า ในวันนี้จะมีการประชุม คณะทำงานของสำนักงานแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยจะมีการติดตามความคืบหน้าทั้งเรื่องการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล รวมทั้งการรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 ได้ประสานกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบรถบัสที่เกิดเหตุอีกครั้ง จากการตรวจสอบเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่ารถบัสคันเกิดเหตุมีการติดตั้งแก๊ส NGV ทั้งหมด 10 ถัง ซึ่งจะตรวจสอบกับ ขบ.อย่างละเอียดว่ามีการอนุญาตให้รถบัสคันดังกล่าวติดตั้งจำนวนกี่ถัง และเป็นไปตามใบอนุญาตหรือไม่
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า รวมทั้งการตรวจสอบประตูฉุกเฉินว่าสามารถเปิดได้กี่วิธี มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยอย่างไร มีการซักซ้อมหรือไม่ อาทิ บุคคลที่นั่งอยู่ตรงประตูฉุกเฉินจะต้องเป็นบุคคลที่มีวุฒิภาวะหรือไม่ และมีความพร้อมในการเปิดประตูฉุกเฉิน
สำหรับการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ขณะนี้ยืนยันได้ 17 ร่าง ในจำนวนนี้มี 11 ร่าง สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้แล้ว และอยู่ในขั้นตอนออกรายงานการชันสูตรเพื่อยื่นขอใบมรณบัตร ส่วนอีก 6 ร่าง ที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์ คาดว่าจะเสร็จสิ้นไม่เกินช่วงบ่ายวันนี้