ตำรวจสืบสวนนครบาลจับกุม “ฟ้า เขื่อนแก้ว” กับพวกบัญชีม้า ขบวนการสวมรอยปลอมเฟซบุ๊ก ทักข้อความหาเหยื่อโอนจ่ายค่าวัตถุมงคล
วันนี้ (27 ก.ย.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. จับกุมผู้ต้องหา 5 คน ประกอบด้วย 1.นายวราวุฒิ หรือโด๊ปอายุ 18 ปี คนร้ายที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้าและเชื่อว่าร่วมก่อเหตุในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ 2.น.ส.วิราวรรณ์ หรือฟ้า อายุ 23 ปี คนร้ายที่เป็นตัวการในการเหตุ 3.นายชาลี อายุ 62 ปี คนร้ายที่ทำหน้าที่เปิดซิมม้าให้แก่ น.ส.วิราวรรณ์ คนร้ายที่เป็นตัวการในการก่อเหตุ โดยมีสถานะเป็นคุณตาของ น.ส.วิราวรรณ์ 4.นางสาวเจนจิรา อายุ 26 ปี
และ 5.นางสาวศิริศร อายุ 23 ปี สองคนร้ายซึ่งตามแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าเป็นตัวการร่วมในการก่อเหตุจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน
โดยพฤติการจับกุมสืบเนื่องจาก กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้เสียหายว่า ช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เข้าไปสั่งเช่าบูชาวัตถุมงคลในเพจเฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี “คุณเม สาลิกาลิ้นทอง พระพิฆเนศ สร้อยข้อมือ ดวงชะตา ราศี ปีชง” และได้มีการโอนเงินค่าสั่งซื้อวัตถุมงคล แล้วต่อมา ได้มีมิจฉาชีพปลอมเฟซบุ๊กในลักษณะเดียวกันกับเพจเฟซบุ๊กที่ตนตกลงสั่งซื้อวัตถุมงคงจริง สวมรอยทักข้อความมาหลอกให้ตนโอนเงินค่าสินค้าเพิ่มเติม โดยหลอกว่ายังไม่ได้รับเงินโอนเงินค่าสินค้า จนทำให้ตนหลงเชื่อโอนเงินจากบัญชีธนาคารของตน จำนวน 2 บัญชี เข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี วราวุฒิ จำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน จำนวน 16,093 บาท เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย จึงได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.แก้งสนามนาง ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุให้ได้รับโทษถึงที่สุดทุกราย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้ทำการสืบสวนสนับสนุนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก้งสนามนาง เพื่อให้สามารถสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ครบถ้วนโดยเร็ว จนสามารถสืบสวนสวนจนทราบถึงตัวคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุ มีทั้งหมด 5 รายดังกล่าว โดยจากแผนประทุษกรรมและพฤติการณ์คนร้ายกลุ่มนี้ มีลักษณะก่อเหตุเป็นปกติธุระอีก ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อคนร้ายกลุ่มนี้ จึงได้ส่งรายงานการสืบสวนให้พนักงานสอบสวน สภ.แก้งสนามนาง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวัดบัวใหญ่ พิจารณาออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งหมด
ต่อมา เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดบัวใหญ่ ได้พิจารณาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุทั้งหมด 5 ราย 5 หมายจับตามพยานหลักฐาน พล.ต.ต.ธีรเดช จึงสั่งการให้เร่งรัดทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการที่ถูกออกหมายจับดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว
1.น.ส.วิราวรรณ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.95/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ
2.นายวราวุฒิ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.94/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ โดยผู้ต้องหา 2 รายแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณภายใน รีสอร์ท ตำบลดองกำเม็ด อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ขณะกำลังกบดานและกำลังจะหลบหนีออกจากสถานที่กบดาน
3.น.ส.ศิริศร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.98/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ โดยจับกุมตัวได้ภายในบ้านหมู่ 5 ตำบลย่อ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
4.นายชาลี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.96/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ โดยจับกุมตัวได้บริเวณหน้าบ้านหมู่ 10 ตำบลย่อ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
และ 5.น.ส.เจนจิรา อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.97/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ โดยจับกุมตัวได้บริเวณหน้าบ้าน ถนนวิทยะธำรงศ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร
ในชั้นจับกุม น.ส.วิราวรรณ์ หรือฟ้า ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเรียนจนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผ่านการเรียน กศน. หลังจากเรียนจบไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่ง เกี่ยวกับความผิดที่ถูกจับกุม ตนขอสารภาพว่า เมื่อช่วงประมาณต้นปี 2565 ตนได้รู้จักกับผู้หญิงชื่อเมล์ (ไม่ทราบชื่อ สกุลจริง) อายุประมาณ 30 ปี ซึ่งรู้จักกันผ่านเฟซบุ๊กรับจ้างเปิดบัญชี ขณะนั้นตนได้ติดต่อขายบัญชีธนาคารให้กับผู้หญิงชื่อเมล์ แทบทุกบัญชีธนาคาร อาทิเช่น บัญชีธนาคารยูโอบี บัญชีธนาคารเกียรตินาคินภัทร บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีธนาคารกรุงไทย บัญชีธนาคารกสิกรไทย บัญชีธนาคารธนชาตทหารไทย บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา บัญชีธนาคารออมสิน และบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร์ เป็นชื่อบัญชี น.ส.วิราวรรณ์ทั้งหมด โดยหลังจากที่ตนเปิดบัญชีธนาคารเสร็จเรียบร้อย ตนได้ให้ข้อมูลเลขบัญชีธนาคาร เบอร์โทรศัพท์ที่เปิดและลงทะเบียนใช้งานโดยเลขบัตรประชาชนของตนและใช้ผูกใช้งานกับบัญชีธนาคารที่ตนรับจ้างเปิด พร้อมเลขบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ ผู้หญิงชื่อเมล์ ไปในคราวเดียวกัน โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 200 ถึง 500 บาท หลังจากรับจ้างเปิดบัญชีประมาณครึ่งปี ตนก็ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับและถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการรับจ้างเปิดบัญชีจำนวน 2 คดี โดยถูกจับเมื่อช่วงปลายปี 66
หลังจากจบคดีเกี่ยวกับการรับจ้างเปิดบัญชี ตนได้หันมาก่อเหตุเอง โดยมีผู้หญิงชื่อเมล์ เป็นคนแนะนำ/สอนให้ตนก่อเหตุ โดยตนได้ใช้โทรศัพท์มือถือ iPhone 14 Pro Max และโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ SAMSUNG รุ่น Galaxy S23 Ultra เป็นเครื่องมือในการก่อเหตุ โดยทำการปลอมเฟซบุ๊กของเพจขายวัตถุมงคลต่างๆ ประกอบด้วย เพจ “เพจ.โทน บางแค” เพจ “คุณเม สาลิกาลิ้นทอง พระพิฆเนศ ราศีปีชง” และเฟสบุ๊ก “โทน บางแค” ก่อนจะเข้าไปก่อเหตุหลอกให้ผู้เสียหายที่เข้าไปประมูลวัตถุมงคลในเพจนั้นซึ่งตนปลอมขึ้นให้หลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีม้า (ที่ตนจ้างให้คนรับจ้างเปิดบัญชีม้ามาอาศัยอยู่กับตน) โดยมีวิธีการในการก่อเหตุ คือ เมื่อเพจเกี่ยวกับวัตถุมงคลได้มีการโพสต์ประมูลหรือตั้งราคาลงขาย หรือทำการไลฟ์สดประมูลหรือตั้งราคาลงขาย วัตถุมงคล เมื่อมีลูกค้าประมูลได้ หรือสนใจสั่งซื้อ ตนจะทำการสุ่มลูกค้าที่ประมูลได้ หรือสนใจลงราคาสั่งซื้อวัตถุมงคล โดยการทักข้อความส่วนตัวไปหาเฟสบุ๊กของลูกค้าดังกล่าว ผ่าน Facebook Messenger โดยสวมรอยเป็นเพจจริง และส่งเลขบัญชีม้าเพื่อให้ลูกค้าโอนเงินค่าวัตถุมงคงให้แก่ตน ที่ผ่านมาใช้บัญชีม้าในการก่อเหตุ จำนวน 4 บัญชีชื่อ นายวราวุฒิ โดยให้ค่าจ้างแก่นายวราวุฒิ บุคคลที่มาทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้ตน ครั้งละ 500 ถึง 1,000 บาท โดยตนให้นายวราวุฒิ มาอยู่กินนอนด้วยกัน เดินทางไปเบิกถอนเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหายด้วยกัน ทั้งนี้แต่ละเคสที่ตนสวมรอยหลอกให้ผู้เสียหายหรือลูกค้าโอนเงิน เมื่อลูกค้าหรือผู้เสียหายโอนเงินให้ตนครบตามจำนวนราคาวัตถุมงคลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตนก็จะทำนิ่งเฉยไม่ตอบข้อความสนทนากับลูกค้าหรือผู้เสียหาย หากมีลูกค้าหรือผู้เสียหายรายใดด่าว่า ตนก็จะทำการบล็อกเฟสบุ๊ก เงินที่ได้จากการก่อเหตุนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน จนมาถูกจับกุมตัวในครั้งนี้
จากการตรวจสอบประวัติคดีในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ระบบ Crime) พบข้อมูลว่า น.ส.วิราวรรณ์ มีประวัติเคยถูกดำเนินคดี จำนวน 5 คดี ประกอบด้วย 1.ปี 2560 ถูกจับกุมในความผิดฐาน ร่วมกันครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน หรืออนุพันธ์แอมเฟตามีน) ท้องที่ สภ.คำเขื่อนแก้ว 2.ปี 2565 ถูกจับกุมในความผิดฐาน ตัวการการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) ที่มิได้กระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ตัวการฉ้อโกง ท้องที่ สน.ทุ่งสองห้อง 3.ปี 2566 ถูกจับกุมในความผิดฐาน ตัวการฉ้อโกง ตัวการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ท้องที่ สภ.คำเขื่อนแก้ว 4.ปี 2567 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 806/2567 ลงวันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ท้องที่ สภ.สำโรงเหนือ และ 5.ปี 2567 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.95/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ ท้องที่ สภ.แก้งสนามนาง
ด้านนายวราวุฒิ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเรียนจนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผ่านการเรียน กศน. เดิมทีประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป เกี่ยวกับความผิดที่ถูกจับกุม ตนขอสารภาพว่าเมื่อช่วงประมาณต้นปี 67 ได้รู้จักกับ น.ส.วิราวรรณ์ หรือพี่ฟ้า โดย น.ส.วิราวรรณ์ ได้สอบถามตนว่าสนใจเปิดบัญชีธนาคารให้ โดยแลกกับค่าจ้างตามยอดเงินที่จะเข้ามาในบัญชี หรือไม่ เนื่องจากขณะนั้นตนไม่มีงานทำ ประกอบกับไม่มีเงินใช้จ่าย จึงตอบตกลงเปิดบัญชีธนาคารให้แก่ น.ส.วิราวรรณ์ ตามคำชวน จำนวน 4 บัญชี หลังจากที่ตนเปิดบัญชีธนาคารให้แก่ น.ส.วิราวรรณ์ ตนทราบเป็นอย่างดีว่า น.ส.วิราวรรณ์ นำบัญชีธนาคารที่ตนเปิดไปใช้รองรับเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหายรายต่างๆ ที่เข้าไปหลอกในเฟซบุ๊ก โดยหลังจากที่มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้ามาในบัญชีธนาคารที่ตนเปิดให้ น.ส.วิราวรรณ์ ใช้แล้ว น.ส.วิราวรรณ์ จะเป็นคนโอนเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหายต่อไปยังบัญชีธนาคารของตนอีกทอดนึง จากนั้น น.ส.วีราวรรณ์ จะพาตนเดินทางไปเบิกถอนเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหายออกจากตู้เบิกถอนเงินสด โดยจะเป็นผู้ทำรายการเบิกถอนเงินออกจากบัญชีของตนเองทุกขั้นตอน อีกทั้ง น.ส.วิราวรรณ์ จะเป็นคนดูแลเรื่องอาหาร ที่พัก และให้ตนเดินทางไปด้วยทุกที่ จนมาถูกจับกุมตัวในครั้งนี้
จากการตรวจสอบประวัติคดีในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ระบบ Crime) พบข้อมูลว่า นายวราวุฒิ มีประวัติเคยถูกดำเนินคดี จำนวน 2 คดี ประกอบด้วย 1.ปี 2567 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.394/2567 ลงวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาเพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ ท้องที่ สภ.เมืองภูเก็ต และ 2.ปี 2567 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.94/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ ท้องที่ สภ.แก้งสนามนาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แก้งสนามนาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย อีกทั้งแจ้งเตือนไปยังผู้ที่เป็นตัวการในการก่อเหตุ ตลอดจนผู้ที่จะถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า อย่าให้บัญชีธนาคารหรือเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นนำไปใช้เด็ดขาดเนื่องจากอาจเป็นช่องทางให้คนร้ายนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมอย่างมหาศาล ตลอดจนโทษกรณีการเปิดบัญชีม้า ซิมผี ณ ปัจจุบัน มีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า) นอกจากนี้ ผู้เป็นธุระจัดหา จ้างผู้อื่นมาเปิดบัญชีม้าก็มีโทษหนักเช่นเดียวกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (คนจัดหาบัญชีม้า) หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที