สาวแชมป์ซุปเปอร์ไบค์ 1,000 cc 5 ปีซ้อน ร้องมูลนิธิดัง ถูกออแกไนซ์หักหัวคิว 3.5 ล้านบาท โดยที่ไม่ได้ช่วยงาน แถมยืมนาฬิกาหรูไม่ยอมคืน เตรียมร้อง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา
วันนี้( 25 ก.ย.)เมื่อเวลา 11.30 น.ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี น.ส.รัชดา หรือตาล นาคเจริญ อายุ 33 ปี แชมป์ซุปเปอร์ไบค์รุ่น 1,000 cc ปี 62 ถึง 66 (5ปีซ้อน) นำเอกสารหลักฐานต่างๆเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิ , ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิ เพื่อขอให้ช่วยเหลือหลังตนเองถูกผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือให้งานโปรเจอแต่ทำงานแล้วยังไม่ได้เงินกว่า 3 ล้าน 5 แสนบาท แถมเอาออแกไนซ์เข้ามาโดยที่ไม่ได้ช่วยงานอะไรตนเองเลย ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะต้องสำรองจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวไป แต่กลับยังไม่ได้เงินคืนจากทางผู้ใหญ่ จึงต้องเดินทางมาร้องเรียนกับมูลนิธิขอให้ช่วยเหลือ
น้องตาล เผยว่า ตั้งแต่อายุ 9 ขวบจนนิยมชมชอบขี่รถซุปเปอร์ไบค์ จนกระทั่งปี 62 ถึง 66 ตนได้เข้าแข่งแชมป์ Super Bike 1,000 cc และได้ถ้วยแชมป์ติดต่อกัน 5 ปีซ้อน ต่อมามีผู้ใหญ่ที่นับถือแนะนำให้รู้จักกับ นางสุปราณี หรือหญิง คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งตนจะเรียกอาหญิง ได้มาบอกกับตนเองว่า ทางผู้ใหญ่ได้ให้ Project โครงการใหญ่ๆมา โดยมีงบประมาณ 10,000,000 บาท อาร์หญิงเห็นว่าตนเองมีความสามารถในด้านนี้ จึงมอบหมายให้ตนเองทำโปรเจค ภายใต้ชื่อโครงการเปลี่ยนเด็กแว้นบนถนนให้มาอยู่ในสนามแข่ง ตนเองศึกษาและหาข้อมูล จนกระทั่งมุ่งมั่นทำโครงการจนสำเร็จ ด้วยดี
แต่แล้วจู่ๆอาหญิงกลับบอกว่า รายได้ทั้งหมดจะถูกหักภาษี 20% ตนต้องสำรองเงินไปแล้ว กว่า 3,500,000 บาท จึงพยายามอธิบาย และพูดจาด้วยเหตุผลชี้แจงให้เข้าใจว่า มันไม่ถูกต้องเพราะไม่มีการตกลงกันก่อนหน้านี้ ต่อมาอาหญิง ได้ให้บริษัทออแกไนซ์แห่งหนึ่ง ติดต่อตนเองมาว่ารายได้ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องจัดงานและทำโปรเจคไปต้องถูกหักเข้า บริษัทออแกไนซ์ แห่งนี้ซึ่งตนเองก็สืบทราบมาว่ามีอาหญิง มีชื่อเป็น กรรมการ ใหญ่อยู่ในบริษัทออแกไนซ์แห่งนี้ เมื่อพยายามทวงถามเงินที่ยังคงค้างอยู่ 3,500,000 บาท ก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา แถมยังหยอดคำหวานอ้างว่า จะมีโปรเจคใหญ่ๆอีกหลายสิบล้านให้ตนทำ ขอให้ตนใจเย็นๆ อีกครั้งก่อนหน้านี้ ตนเองยังถูกอาหญิง รวมทั้งพี่ยอดคุณเล็ก ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทออแกไนซ์และมีตำแหน่งเป็นรองนายกคลิ๊กบอกซ์ซิ่งแห่งประเทศไทย ขอยืมนาฬิกา บอมเบิร์ต เรือนละ 80,000 บาท โดยอาหญิง ขอยืมตัวเองไป 2 เดือน ส่วนพี่ยอด และคุณเล็กก็ยืมตนไปคนละ 1 เดือน ทั้งสามคนบอกว่าเป็นนาฬิกาที่สวยงามขอยืมใส่ก่อน ตอนไว้ใจและเชื่อใจอาหญิง กับผู้ใหญ่ทั้ง 2 ท่าน จึงให้ยืมไปโดยไม่ได้คิดอะไร ไม่คิดว่าเมื่อไปทวงถามกับปฏิเสธที่จะคืนสิ่งของ กับตนเอง
เรื่องนี้ยังมีผู้เสียหายอีกหลายคนที่ถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว รวมทั้งนักแสดงพิธีกรชื่อดัง เปิ้ล นาคร ก็เป็นผู้เสียหายและเคยเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้เรื่องเงียบหาย ขนาดพี่เขาเป็นบุคคลมีชื่อเสียงยังตามเงินคืนไม่ได้ แล้วตนเอง คงได้เงินคืนยาก จึงหมดหนทางไปไม่รู้จะทำยังไง ต้องเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม กับมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อให้ช่วยเหลือ ติดตามเงินที่ยังค้างอยู่ จากอาหญิง และบริษัทออแกไนซ์กลับคืนมาให้ด้วย
ทางด้านทนายรณณรงค์ ประธานมูลนิธิ กล่าวว่า การทำโครงการหรือทำโปรเจคใหญ่ๆ ควรจะมีสัญญาที่รัดกุมถ้าเป็นหน่วยงานของรัฐ โอกาสที่จะได้เงินคืน ก็มีสูงการจะเซ็นชื่อหรือทำงานบริษัทไหนควรตรวจสอบให้ดี กรณีของผู้เสียหาย รายนี้ตนจะพาเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้สอบสวนตรวจสอบหลักฐานเอกสารต่างๆที่น้องเขามีอยู่เพื่อให้ความช่วยเหลือ เคยได้ยินแต่ "นาฬิกายืมเพื่อนมา นี่กลับกลายเป็นมีเคสนาฬิกายืมน้องมาโผล่อีกราย" งานนี้คงจะเป็นมหากาพย์ ให้ติดตามกันต่อไป เนื่องจากคู่กรณีของผู้เสียหายมีตำแหน่งใหญ่โตในหน่วยงานของรัฐ