xs
xsm
sm
md
lg

ทนายเชื่อมจิตร้อง บช.ก.ตรวจสอบ รอง ผอ.สำนักพุทธฯปมอดีตเมียถูกจับคดีเงินทอนวัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ทนายธรรมราช ร้อง บช.ก.ตรวจสอบ รอง ผอ.สำนักพุทธฯ ปมอดีตภรรยาเคยถูกดำเนินคดีเงินทอนวัด ติดใจทำไม รอง ผอ. ถึงไม่โดนด้วย ตั้งข้อสงสัยทรัพย์สินที่ถูกยึดอยู่ที่ไหน


วันนี้ (25 ก.ย.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความชื่อดัง พร้อมด้วย นายประพันธ์ุ กิตติฤดีกุล เลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน บก.ปปป. นำข้อมูลหลักฐานร้องให้ตรวจสอบสำนักงานพระพุทธศาสนา

นายธรรมราช เปิดเผยว่า ต้องการให้ตำรวจ บก.ปปป. ดำเนินการตรวจสอบสำนักงานพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะกรณีเมื่อปี 2561 ที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งพิพากษาจำคุกอดีตภรรยาของ นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี (ผอ.พศจ.ปทุมธานี) เป็นเวลา 20 ปี พร้อมชดใช้ค่าเสียหาย 12 ล้านบาท โดยตนตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมนายบุญเชิด ถึงไม่ถูกดำเนินคดีด้วย อีกทั้งทรัพย์สินที่อดีตภรรยามีร่วมกับ นายบุญเชิดถูกยึดไปแล้วหรือไม่ รวมทั้งการที่ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา แต่งตั้งให้นายบุญเชิดเข้ามาเป็น รอง ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนานั้นได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติหรือไม่ จึงอยากนำหลักฐานมาให้ตำรวจสอบสวนกลางดำเนินการตรวจสอบ

นายธรรมราช กล่าวอีกว่า เรื่องนี้มีมูลค่าความเสียหายหลายสิบล้าน แต่ทำไมสังคมไม่มีใครพูดถึง ต่างจากคดีของครอบครัวเชื่อมจิตที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเอาผิดเพียงแค่ 5 คน มูลค่าความเสียหายรวมกันประมาณ 50,000 บาท สังคมกลับพูดถึงและสนใจเรื่องนี้กันมากกว่า

ด้าน นายประพันธ์ุ กล่าวว่า เหตุผลที่ตนขอใช้คำว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีเงินทอนสำนักพุทธฯ เนื่องจากตนได้รับข้อมูลมาว่า เมื่อปี 2561 ผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ ในขณะนั้นได้มีการลงไปสอบถามวัดต่าง ๆ ว่าขาดเหลือเงินในการซ่อมบำรุงวัดเท่าไร จะเอางบประมาณมาให้ แต่มีข้อแม้ว่าให้ทางวัดแจ้งว่าขาดเงิน 20 ล้านบาท โดยคนในสำนักพุทธฯ อ้างกับทางวัดว่า จะเอามาให้แค่ 5 ล้านบาท ส่วนอีก 15 ล้านบาท จะเก็บไว้ให้วัดอื่น ๆ ซึ่งทางวัดด้วยความที่เชื่อใจและเห็นว่าเป็นคนจากสำนักพุทธฯ ลงมาพูดคุยเองจึงเซ็นยินยอมให้ไป โดยที่ไม่รู้ว่าเงินส่วนต่างอีก 15 ล้านบาทนั้น ถูกคนในสำนักพุทธฯ ทุจริตไป จึงขอใช้คำว่า "เงินทอนสำนักพุทธฯ ไม่ใช่เงินทอนวัด"




กำลังโหลดความคิดเห็น