รองคริษฐ์ ดิ้นเพื่อ โจ๊ก เฮือกสุดท้าย ดอดขึ้น สน.ปทุมวัน ร้องทุกข์พนักงานสอบสวนดำเนินคดี กับ ผบ.ตร.ก่อนวันเกษียณ 1 สัปดาห์ พ่วงด้วยทีมคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และ เลขาฯ ตามคำสั่ง ตร.ที่ 177/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67 และคำสั่ง ตร.ที่ 309/2567 ลงวันที่ 19 มิ.ย.67 อีก 14 นาย ฐานไม่ดำเนินการกับข้าราชการตำรวจและบุคคลอื่นๆ ที่ตัวเองและนายใหญ่ ให้การพาดพิงถึง รวม 33 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.08 น. วานนี้ (23 ก.ย.) นายคริษฐ์ ปริยะเกตุ อายุ 39 ปี หรือ อดีตรองคริษฐ์ ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์และเป็นนายตำรวจคนสนิทของ “สุรเชษฐ์ หักพาล” ซึ่งถูกสั่งให้ออกราชการไปแล้ว ได้เดินทางเข้าพบ ว่าที่ พ.ต.ต.จตุพงศ์ อาจหาญ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ พร้อม คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ตามคำสั่ง ตร.ที่177/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67 และคำสั่ง ตร.ที่ 309/2567 ลงวันที่ 19 มิ.ย.67 ประกอบด้วย
พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ณพวัฒน์ อารยางกูร รอง จชต., พล.ต.ต.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.บัณฑิต นิลอ่อน รอง ผบก.กมค.ภ.2, พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ, พ.ต.อ.เทิดสยาม บุญยะเสนา ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.ภ.5, พ.ต.อ.อัครเดช สุริยงค์ ผกก.ฝอ.บก.ส.2, พ.ต.อ.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป., พ.ต.ท.ศิริพล บุญหนุน รอง ผกก.ฝสต.2 กต.2 จต., พ.ต.ท.บุญนำ ลบโลกา รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ป., พ.ต.ท.ชัยภักดิ์ สมภักดี สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปคบ.และ พ.ต.ท.รชตะ ฉัตรวชิระวงษ์ สว.กก.4 บก.ป. รวมทั้งสิ้น 15 นาย
ในข้อหา “ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 4 และ มาตรา 172 เหตุเกิดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และที่กองบังคับการปราบปราม ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน
โดย นายคริษฐ์ ให้การกับพนักงานสอบสวน ว่า หลังถูกให้ออกจากราชการ ได้เดินทางไปให้ถ้อยคำต่อ คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ตามคำสั่ง ตร.ที่177/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67 และคำสั่ง ตร.ที่ 309/2567 เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 19 ส.ค.67 มี พล.ต.อ.สราวุฒิ เป็นประธานฯ พร้อมด้วย คณะกรรมการฯ และ ผู้ช่วยเลขานุการฯ รวมทั้งสิ้น 14 คน ซึ่งเจ้าตัว อ้างว่า ได้ให้การพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจ และบุคคลอื่นๆ ไปด้วย จำนวน 33 คน ในประเด็น ที่ น.ส.พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ผู้ต้องหารายสำคัญ คดีเว็บพนันออนไลน์ ท้องที่ สน.เตาปูน ได้โอนเงินเข้าบัญชี บุคคลทั้ง 33 คน อาทิ ภรรยา กับ เครือญาติ ของ ผบ.ตร. นายตำรวจคนสนิท ของ ผบ.ตร. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมข้าราชการส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ จ.สงขลา ตลอดจนข้าราชการตำรวจหน่วยงานอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง
แต่ทว่าจนถึงปัจจุบัน คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และ ผู้ช่วยเลขานุการฯ ตามคำสั่งข้างต้น กลับลัดขั้นตอนส่งเรื่องที่มีการพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจ และบุคคลอื่นๆ ทั้ง 33 คน ไปให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พิจารณา โดยไม่ปฏิบัติตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2547 ข้อ 28 วรรคแรกฯ ที่ต้องตรวจสอบรวมถึงพิจารณาในเบื้องต้นเสียก่อนว่า ข้าราชการตำรวจผู้ถูกพาดพิงมีส่วนร่วมกระทำการในเรื่องที่สอบสวนนั้นด้วยหรือไม่ ทั้งยังไม่พบว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีการสั่งการให้ดำเนินการสอบสวนทางวินัย และดำเนินการทางอาญา กับข้าราชการตำรวจ และบุคคลอื่นๆ ที่ถูกพาดพิง ทั้ง 33 คน แต่อย่างใด รวมทั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เอง ก็เป็นข้าราชการตำรวจที่ถูกพาดพิงในเรื่องที่สอบสวนด้วย แต่กลับไม่มีรายงานเรื่องของตนเอง ไปยังนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่อยู่เหนือจาก ผบ.ตร.
อันเป็นเจตนาทุจริตเพื่อให้ตนเองไม่ต้องถูกดำเนินการทางวินัยก่อนเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้ภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย จึงขอให้พนักงานสอบสวน ผู้มีอำนาจหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินการทั้งหลาย เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดว่า ข้าราชการตำรวจและบุคคลอื่น จำนวน 33 คน ดังกล่าวที่ถูกพาดพิง มีการรับโอนเงินจาก น.ส.พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์ สน.เตาปูน ด้วยหรือไม่
ซึ่ง ว่าที่ พ.ต.ต.จตุพงศ์ อาจหาญ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้รับคำแจ้งความและเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ของ นายคริษฐ์ ปริยะเกตุ ที่นำมามอบให้เอาไว้ ตามเลขคำแจ้งความที่ CC60032256713850S ก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.