xs
xsm
sm
md
lg

จับหนุ่มคิดสั้นซ่อมไอแพดเงินหมดตัว ขโมยหมวกกันน็อกขาย แต่ไม่รอดตามถึงห้องพัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



หนุ่มจ่ายค่าซ่อมไอแพด 4 พันหมดตัว ขโมยหมวกกันน็อคในห้างดังจะไปขายเพื่อน แต่ไม่รอดถูก ตร.รวบ


เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 67 ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด , พ.ต.ท.ติรัส ตฤณเตชะ รอง ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด , พ.ต.ต.ดิลก ลาดศิลา สว.สส.สภ.ปากเกร็ด ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด จับกุมตัวนายวรกฤต หรือบี งามสง่า อายุ 26 ปี ชาวจ.เพชรบูรณ์ พร้อมด้วยของกลาง 1.หมวกกันน็อก แบบเต็มใบ ยี่ห้อ BILMOLA ลาย EHT จำนวน 1 ใบ 2.รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซูมเมอร์เอ็กซ์ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน 1 กช 2410 เพชรบูรณ์ จำนวน 1 คัน 3.เสื้อแขนยาว จำนวน 1 ตัว 4.เสื้อแขนสั้นสีดำแบบมีหมวก จำนวน 1 ตัว 5.กางเกงขาสั้น จำนวน 1 ตัว 6.รองเท้าแตะ จำนวน 1 คู่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ผู้อื่น โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 67 เวลาประมาณ 15.00 น. นายวรกฤต หรือบี ผู้ก่อเหตุ ได้ขับขี่รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซูมเมอร์เอ็กซ์ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน 1 กช 2410 เพชรบูรณ์ ไปจอดบริเวณจุดจอดรถภายในห้างฯ และหยิบหมวกกันน็อก แบบเต็มใบ ยี่ห้อ BILMOLA ลาย EHT จำนวน 1 ใบ หลบหนีไป ก่อนจะนำไปเก็บไว้ภายในห้องเช่าของตนเอง และถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด

โดยภาพจากกล้องวงจรปิด (ภาพนิ่ง) จับภาพบริเวณถนนติวานนท์ หลังผู้ต้องหาก่อเหตุขโมยหมวกกันน็อก ยี่ห้อ BILMOLA ลาย EHT สีฟ้า ออกมาจากลานจอดรถของห้างโรบินสัน ศรีสมาน และกลับรถบริเวณใต้ทางด่วนเพื่อมุ่งหน้าไปยังแยกสวนสมเด็จ ก่อนจะไปจอดติดไฟแดงบริเวณ 3 แยก เมืองทองธานี (ฝั่งถนนติวานนท์) สามารถจับป้ายทะเบียนรถ จยย.คันที่ใช้ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน

นายวรกฤต หรือบี รับสารภาพว่า ตนขับขี่รถจยย.ไปจอดในห้าง เห็นหมวกกันน็อกวางอยู่บนรถบิ๊กไบค์คิดว่ามีราคาเลยหยิบมาตั้งใจจะเอาไปขายเพื่อน 1,000 บาท เพราะตนเอา iPad ไปซ่อม 4,000 กว่าบาทและไม่มีเงินเหลือติดตัวเลย รู้สึกเครียดเลยก่อเหตุ คิดสั้นๆเพียงจะได้มีเงิน เพื่อจะได้นำเงินไปจ่ายค่าเช่าห้อง แต่พอหยิบไปแล้วรู้สึกผิดแต่ไม่กล้านำมาคืนเพราะกลัวเจ้าของจะทำร้าย หรือไปแจ้งความแล้ว ตนรู้สึกผิดจริงๆและคิดว่าไม่น่าทำแบบนี้ มันไม่คุ้มเลย ถ้าไม่มีเงินควรคุยปรึกษากับที่บ้านก่อน พอเกิดเรื่องมาก็รู้สึกเสียใจ อยากขอโทษผู้เสียหายและไม่อยากให้เขาเอาเรื่อง ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีก รู้สึกสำนึกผิดจริงๆ ตนไม่เคยทำแบบนี้และไม่มีคดีติดตัว ยอมรับว่าครั้งนี้คิดน้อยไปจริงๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น