ตำรวจสืบสวนนครบาลจับกุม “เพ็ชร คูคต” รับเปิดบัญชีม้าให้มิจฉาชีพแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มไลน์หมู่บ้าน หลอกขายสินค้า
วันนี้ (19 ก.ย.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. จับกุมตัวนายเจษฎา อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.966/2567 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ฉ้อโกง และโดยทุจริต หรือโดนหลวงลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าบ้าน ถ.ลำลูกกาคลอง 3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
พฤติการณ์จับกุมสืบเนื่องจากเมื่อช่วงกลางเดือน มี.ค.66 ผู้เสียหายได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ว่าถูกคนร้ายอ้างตัวใช้ชื่อบัญชีแอปพลิเคชั่นไลน์ชื่อ “ศิริพร คำสน” ได้มีการประกาศและหลอกให้ผู้เสียหายสั่งซื้อน้ำมันพืชในไลน์กลุ่มของหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านคู้บอน ผู้เสียหายได้สนใจจึงได้สั่งซื้อไปในบริมาณที่มากพอสมควร ก่อนจะโอนเงินชำระค่าสินค้า จากบัญชีธนาคารของตน เข้าบัญชีธนาคารชื่อบัญชีนายเจษฎา (ผู้ถูกจับ) หลังจากที่ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าน้ำมันพื้นเสร็จเรียบร้อย ก็ไม่ได้รับการติดต่อหรือส่งมอบสินค้าตามที่สั่งจากผู้ใช้บัญชีไลน์ดังกล่าวแต่อย่างใด จนทราบข่าวจากเพื่อนบ้านในหมู่บ้านซึ่งแจ้งเตือนเข้ามาในไลน์กลุ่มของหมู่บ้านว่าผู้ใช้บัญชีไลน์ดังกล่าวนั้นเป็นคนร้ายได้แอบอ้างนำข้อมูลบ้านเลขที่ของเพื่อนบ้านนั้นไปใช้หลอกขายสินค้า ตนจึงทราบว่าตัวเองถูกหลอก ซึ่งตนเชื่อว่านาจะมีเพื่อนบ้านและประชาชนอีกหลายรายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของคนร้ายรายนี้
ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาถึงความเดือนร้อนของประชาชน จึงสั่งการให้เร่งรัดให้ รีบทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับรายดังกล่าวซึ่งอาจเป็นผู้ร่วมขบวนการหลอกลวง หรืออาจเป็นบัญชีม้าเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว กระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวได้
ในชั้นจับกุมนายเจษฎา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การตนเรียนจบ กศน. ปัจจุบันยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง เกี่ยวกับคดีที่ถูกจับกุม น่าจะเกิดจากเมื่อช่วงประมาณปลายปี 65 ขณะที่ตนทำอาชีพขายกัญชาอยู่ละแวกบ้าน ได้มีลูกค้าซึ่งเป็นรุ่นพี่ ชื่อนายพรประสิทธิ์ (ไม่ทราบนามสกุล) ได้มาซื้อกัญชาจากตน โดยได้มีการขอเลขบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ของตนไปเพื่อจะโอนเงินจ่ายค่ากัญชาที่ซึ่งกับร้านของตนให้ ต่อมาหลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีเงินเข้ามาในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ของตนอีก ประมาณสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 3,500- 5,000 บาท โดยหลังจากที่มีเงินเข้ามาในบัญชีแล้ว ตัวนายพรประสิทธิ์ จะโทรศัพท์มาบอกให้ตนออกไปถอนเงินที่เข้ามาในบัญชีและนำเงินสดไปให้นายต๋า โดยนายต๋าให้ตนหักค่าดำเนินการไปครั้งละ 800 - 1,000 บาท ต่อมา ตนทราบว่า นายพรประสิทธิ์ หรือต๋า ถูกจับกุมตัวไปเมื่อประมาณเดือน ก.ย.66 หลังจากนั้น ก็มีหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้านตน แต่ตนไม่กล้าไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะตนมีคดีความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ซึ่งอยู่ระหว่างอุทธรณ์คดีอยู่เกรงจะกระทบ จึงได้หลบซ่อนตัวภายในบ้าน ไม่ค่อยออกไปไหนมาไหน จนมาถูกจับกุมตัวตามหมายจับในที่สุด
จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่านายเจษฎา หรือเพ็ชร มีประวัติถูกดำเนินคดี จำนวน 2 คดี ประกอบด้วย
1.ปี 2566 ถูกจับกุมในความผิดฐาน มี อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน โดยมิได้อนุญาต (ครอบครองปืนไม่มีทะเบียน) พกอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยมิได้รับอนุญาต ท้องที่ สภ.ธัญบุรี และ 2.ปี 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ฉ้อโกง และโดยทุจริต หรือโดนหลวงลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.966/2567 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย อีกทั้งแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า อย่าให้บัญชีธนาคารหรือเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นนำไปใช้เด็ดขาดเนื่องจากอาจเป็นช่องทางให้คนร้ายนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมอย่างมหาศาล ตลอดจนโทษกรณีการเปิดบัญชีม้า ณ ปัจจุบัน มีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า) นอกจากนี้ ผู้เป็นธุระจัดหา จ้างผู้อื่นมาเปิดบัญชีม้าก็มีโทษหนักเช่นเดียวกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (คนจัดหาบัญชีม้า) หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที