ตำรวจสืบสวนนครบาลจับกุม “แอร์ ประเวศ” โจรลักสายไฟบ้านโครการบ้านจัดสรร ย่านลำผักชี และยังหนีหมายจับคดียาเสพติด
วันนี้ (18 ก.ย.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.สั่งการให้ พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อดุลย์ ดอกพวง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง รอง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.รัฐนันท์ สมวงศ์ กก.สส.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.นิทัสน์ มีทอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รองสว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ กก.สส.4 บก.สส.บช.น.ร่วมกันจับกุมตัวนายทองใบ หรือแอร์ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 หมายจับ ดังนี้
1.หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1339/2565 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2565 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิด เพื่อพาทรัพย์หลบหนี หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม หรือรับของโจร 2.หมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.478/2567 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า และยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้าฯ และ 3.หมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.493/2567 ลงวีนที่ 25 ก.ค. 2567 ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า และยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้าฯ โดยจับกุมได้ที่ ห้องเช่าไม่มีเลขที่ กลางซอยเฉลิมพระเกียรติ 65 แยก 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.
พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 26 พ.ย.65 เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรชื่อดังย่านลำผักชี ต้องเครียดหนักเพราะบ้านจัดสรร ที่กำลังจะเสร็จพร้อมขายให้กับลูกค้า ถูกคนร้ายลักลอบเข้ามาตัดสายไฟนับ 10 หลัง ความเสียหายหลายแสนบาท ทำให้ไม่สามารถส่งมอบบ้านได้ทันกำหนด รีบเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายทองใบ ซึ่งเป็นขี้ยาตระเวนลักเล็กขโมยน้อยละแวกดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อขอศาลอาญามีนบุรีอนุมัติหมายจับแล้ว นายทองใบฯ กลับหายไปในกลีบเมฆ ไม่สามารถติดตามตัวได้
ต่อมาวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเบาะแสจากพลเมืองดีว่า นายทองใบ (ทราบชื่อภายหลัง) หรือเสือแอร์ เป็นขาใหญ่ คอยปล่อยยาเสพติดให้กับวัยรุ่นในชุมชนย่านประเวศ จึงลงพื้นที่เข้าจับกุมขณะอยู่ในห้องเลขที่ 204 ซอยอ่อนนุช 65 แยก 4 ถนน ถนนอ่อนนุช (ซอยสุขุมวิท 77) แขวง ประเวศ เขต ประเวศ จังหวัด กรุงเทพมหานคร แต่นายทองใบ ไหวตัวทัน กระโดดหลังห้องพักชั้น 2 หลบหนีไปได้ ทิ้งให้ น.ส.มณทิรา แฟนสาวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม พร้อมของกลาง ยาบ้ารวมจำนวนกว่า 812 เม็ดและยาไอซ์รวมกว่า 6.18 กรัม น.ส.มณทิรา แฟนสาว ให้การว่าของกลางทั้งหมดเป็นของ นายทองใบ พนักงานสอบสวน สน.ประเวศ จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นขอหมายจับต่อศาลอาญาพระโขนง เพื่อขอหมายจับ
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงติดตามตัวนายทองใบผู้ต้องหาตามหมายจับ จนได้รับเบาะแสว่าจากการกระโดดห้องพักชั้น 2 กระแทกกับพื้นเพื่อหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้นายทองใบ ได้รับบาดเจ็บตรงอวัยวะเพศชาย ทำให้ไม่สามารถปัสสาวะได้ จึงต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ รพ. สอดท่อเข้าท้องเพื่อระบายปัสสาวะออกจากร่างกาย และหนีไปกบดานกับแฟนใหม่อยู่ที่ซอยเฉลิมพระเกียรติ 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่ติดตามจับกุม เมื่อไปถึงห้องเช่าของนายทองใบ อยู่บริเวณชั้น 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงปิดล้อมและเรียกให้นายทองใบเปิดประตู แต่นายทองใบไม่ยอมเปิด ผ่านไปครู่หนึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะพังประตูเพื่อเข้าจับกุม แต่แฟนใหม่ของนายทองใบฯเกิดความกลัว จึงยอมเปิดประตู เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสามารถจับกุมตัวนายทองใบไว้ได้
ในชั้นจับกุม นายทองใบ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า คดีลักทรัพย์ของตนของปี 65 ตนก็รับสารภาพว่า ตอนนั้นตนติดยาเสพติดอย่างหนัก ไม่มีเงินซื้อ เมื่อผ่านบ้านจัดสรร โครงการใหม่ ย่านลำผักชี ดูแล้วไม่มีใครเฝ้า จึงไปลักตัดสายไฟมาขาย โดยตัดไปหลายสิบเส้น ได้มา 10 กว่ากิโลกรัม ขายได้เงิน 4,000 กว่าบาท นำเงินมาซื้อยาเสพติดเพื่อเสพ จากนั้นก็หนีมาตลอด จนปัจจุบันเป็นขาใหญ่ของย่านประเวศ เมื่อใช้ชีวิตประจำวันก็จะมีคนรู้จักมาขอซื้อยาเสพติดจากตน แรกๆตนก็ไม่มีขาย แต่เห็นช่องทางหาเงินจึงไปรับซื้อยาเสพติดจาก ชายที่อยู่ในชุมชนแถวกองขยะ ไม่ทราบชื่อนาสกุลจริง ใน ราคาเม็ดละ 30 บาท จากนั้นนำมาแบ่งขายให้วัยรุ่นย่านประเวศในราคา เม็ดละ 50 บาท จนเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา จนเคยถูกตำรวจไล่จับแล้วครั้งนึง แต่กระโดดห้องพักชั้น 2 หลบหนีมาได้ ทำให้ป่วยปัสสาวะไม่ออก ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษา โดยหมอผ่าตัดเจาะท้องเพื่อระบายปัสสาวะ ทำให้ตนต้องหิ้วถุงทิ้งปัสสาวะไปด้วยทุกที่ หลังจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ลำผักชี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ยังพบประวัติคดีอาญาอีก 8 คดี ดังนี้ 1.วันที่ 4 พ.ย. 50 ถูกดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 พื้นที่ สน.อุดมสุข 2.วันที่ 29 มิ.ย. 51 ถูกจับกุมข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 พื้นที่ สน.อุดมสุข 3.วันที่ 2 ก.พ. 55 ถูกดำเนินคดีข้อหา ลักทรัพย์ในเคหสถาน สถานที่ราชการ พื้นที่ สน.อุดมสุข 4.วันที่ 11 ก.พ. 55 ถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พื้นที่ สน.อุดมสุข 5.วันที่ 1 ก.ย. 60 ถูกดำเนินคดีข้อหา ครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน หรืออนุพันธ์แอมเฟตามีน) มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 375 มก.ขึ้น พื้นที่ สน.พลับพลาไชย2 6.วันที่ 3 ต.ค. 65 ถูกดำเนินคดีข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5 พื้นที่ สภ.บางพลี ภ.จว.สมุทรปราการ 7.วันที่ 1 ธ.ค. 65 ถูกดำเนินคดีข้อหา ลักทรัพย์ในเคหสถาน สถานที่ราชการ พื้นที่ สน.ลำผักชี และ 8.วันที่ 12 มิ.ย. 67 ถูกดำเนินคดีข้อหา ครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน หรืออนุพันธ์แอมเฟตามีน) (ยาบ้ารวม 812 เม็ด ยาไอซ์ 6.18 กรัม)พื้นที่ สน.ประเวศ
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า การเสพและจำหน่ายยาเสพติดมีอัตราโทษที่สูง ถึงขั้นประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ยาเสพติดเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน ภัยร้ายของยาเสพติดนั้น มิได้เกิดขึ้นและส่งผลกระทบเฉพาะตัวของผู้เสพเท่านั้น แต่ส่งกระทบต่อบุคคลในครอบครัว คนใกล้ชิด รวมถึงคนที่เรารัก ยังสร้างความไม่ปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ดังเช่นกรณีในครั้งนี้ผู้ต้องหาเริ่มจากเป็นผู้เสพยาเสพติด ตะเวนลักทรัพย์จนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนผู้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข จากนั้นผู้ต้องหาหันมาจำหน่ายยาเสพติดในชุมชน จำหน่ายไปนับหมื่นเม็ด ทำลายอนาคตของวัยรุ่นในชุมชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ และยังเป็นจุดเริ่มต้นอาชญากรรมในชุมชนนั้นๆ ขอให้ประชาชนทุกๆคนช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมปราบปรามยาเสพติดในทุกพื้นที่ ดังนั้นหากใครพบเบาะแสของยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสมายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม.ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.