xs
xsm
sm
md
lg

ก.ต.สั่งพักราชการอธิบดีศาลลวนลามหญิงบนรถไฟ หลังตั้งเรื่องสอบสวนวินัยร้ายแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ก.ต.สั่งพักราชการอธิบดีศาลลวนลามหญิงบนรถไฟ หลังตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายเเรงเเล้ว ให้ออก พ.อาวุโส มีพฤติการณ์มัวหมองใกล้ชิดคู่ความ

วันนี้ (16 ก.ย.) ที่ห้องประชุมราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ชั้น 3 อาคารศาลยุติธรรม สนามหลวง นางอโนชา ชีวิตโสภณ เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) ครั้งที่ 24/2567

ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบมีประเด็นสำคัญดังนี้

โดยหัวข้อเรื่องที่ 6 มีการพิจารณากรณีพักราชการข้าราชการตุลาการ จำนวน 1 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีที่พักราชการผู้พิพากษานั้น เป็นกรณีอธิบดีผู้พิพากษาศาลที่ถูกกล่าวหาลวนลามผู้หญิงบนรถไฟ ซึ่งก่อนหน้านี้ อธิบดีผู้พิพากษาคนดังกล่าว ถูกแขวนไว้ยังไม่พิจารณาอนุญาตให้ไปดำรงตำเเหน่งใดๆ จนกว่าผลการสอบสวนจะเสร็จสิ้น

จากเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ประธานศาลฎีกาได้เซ็นคำสั่งย้ายอธิบดีศาลที่ถูกกล่าวหาคนดังกล่าวไปช่วยราชการชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาประจำสำนักงานประธานศาลฎีกา มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. 2567 หลังจากนั้น ก็มีการสอบสวนข้อเท็จจริงจนการประชุม ก.ต.ครั้งก่อนหน้านี้ภายหลังมีการสอบสวน ทาง ก.ต.ได้พิจารณามีความเห็นจากผลการสอบสวนข้อเท็จจริง พิจารณาแล้วมีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายเเรง เเละมีการเสนอพักราชการ จนที่ประชุมในวันนี้มีมติให้พักราชการอธิบดีผู้พิพากษาคนดังกล่าว ภายหลังจากที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายเเรง

ในส่วนการดำเนินคดีมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายหญิงสาวที่ถูกอธิบดีศาลยุติธรรมรายหนึ่ง พยายามลวนลามบนรถไฟ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีอาญากับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. แล้ว และพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายรายโดยมีการเสนอให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนสอบสวน เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับคดีนี้เป็นการเฉพาะแล้ว เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการระดับสูงและคดีอยู่ในความสนใจของประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน


นอกจากนี้ ที่ประชุม ก.ต.ยังพิจารณารายงานการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการ กรณีแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ผู้พิพากษา ใช้ถ้อยคำเสียงดังอันมีลักษณะข่มขู่พยานและวิจารณ์การทำงานของหน่วยงานอื่น เป็นการไม่รักษาวินัยโดยเคร่งครัด และในเวลาพิจารณาพิพากษาคดีไม่อยู่ในมารยาทอันดีงาม เป็นการไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติ ของทางราชการ และจริยธรรมของข้าราชการตุลาการตามที่ ก.ต. กำหนด ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 55 และ มาตรา 62 ประกอบประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ข้อ 3 และข้อ 6 เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง เห็นสมควรลงโทษภาคทัณฑ์

นอกจากนี้ ที่ประชุม ก.ต.พิจารณารายงานผลการสอบสวนวินัยข้าราชการตุลาการ จำนวน 1 ราย ดังนี้

กรณีมีพฤติกรรมคบหาสมาคมกับคู่ความหรือบุคคลอันมีส่วนได้เสีย หรือผลประโยชน์ เกี่ยวข้องกับคดี หรือบุคคลซึ่งมีความประพฤติหรือมีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย และไม่ถอนตัวจากการพิจารณาและพิพากษาคดี อันอาจทำให้การพิจารณาพิพากษาคดีนั้นเสียความยุติธรรมและกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของบุคคลทั่วไป ในการประสาทความยุติธรรมของผู้พิพากษา อันเป็นการประพฤติผิดประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ข้อ 14 และข้อ 43 และกรณีไม่ระมัดระวังการประกอบอาชีพ อื่นใดของคู่สมรส มีลักษณะเป็นการกระทบกระเทือนต่อความยุติธรรมหรือเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความเชื่อถือศรัทธาของบุคคลทั่วไปในการประสาทความยุติธรรรมของผู้พิพากษาอันเป็นการประพฤติผิดประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ข้อ 40 ถือเป็นการกระทำอันมีมลทินมัวหมองหากให้รับราชการต่อไปจะเป็นการเสียหายแก่ราชการ เห็นสมควรให้ออกจากราชการ โดยมีรายงานว่าปัจจุบันผู้พิพากษาคนดังกล่าวดำรงตำเเหน่งผู้พิพากษาอาวุโสอยู่ ซึ่งเดิมเคยมีตำเเหน่งระดับบริหารในศาลยุติธรรม

ส่วนกรณีที่ปรากฏข้าราชการตุลาการรายหนึ่ง ถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง จากกรณีถูกหนึ่งในแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ทำหนังสือร้องเรียนว่ามีการเรียกรับทรัพย์สินเพื่อล้มคดี

โดยที่ผลการสอบสวนวินัยร้ายแรง มีการนำเสนอให้ที่ประชุมอนุกรรมการตุลาการ (อ.ก.ต.) เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2567 เเละที่ประชุมมีมติให้ไล่ออก พร้อมให้ส่งเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวข้องนั้น ในวันนี้เรื่องดังกล่าวที่ประชุม ก.ต.ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องจากวาระการพิจารณามีจำนวนมากยังพิจารณาไม่ทัน
กำลังโหลดความคิดเห็น