ภรรยาชาวไทย เข้าร้องขอความช่วยเหลือทีมงานเพจสายไหมต้องรอด หลังสามีชาวนอร์เวย์ถูกประตู บ.รถทัวร์ชื่อดัง ปิดกระแทกล้ม กระดูกแตกเจ็บสาหัส ปฏิเสธรับผิดชอบช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย
วันนี้ (11 ก.ย.) ที่ สน.ประชาชื่น นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พาครอบครัวของ Mr.Wiggo Marthinsen อายุ 71 ปี มาติดตามความคืบหน้าคดีการเจรจาไกล่เกลี่ย กรณีที่ผู้เสียหายชายชาวนอร์เวย์ ถูกประตูอัตโนมัติภายในบริษัทขนส่งชื่อดังแห่งหนึ่ง ปิดกระแทกจนล้ม กระดูกสะโพกแตก ขณะกำลังเดินทางไปขึ้นรถทัวร์ชั้นเฟิร์สคลาสของบริษัทดังกล่าว เพื่อเดินทางจากไปจังหวัดอุดรธานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งผลให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษา ปัจจุบันยังอยู่ในห้อง ICU เหตุเกิดเมื่อ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา
นางบัวทอง มาร์ตินเซน อายุ 63 ปี ภรรยาของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ทางครอบครัวได้ร้องขอให้ทางบริษัทขนส่งช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาล ตอนแรกทางบริษัทขนส่งบอกว่าจะดูแลรับผิดชอบแก่ผู้เสียหาย ซึ่งหลังจากเกิดเหตุสองวัน ก็ได้ส่งกระเช้าและตัวแทนมาขอโทษกับกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมกับบอกว่าให้รวบรวมรายละเอียดค่ารักษาทั้งหมดส่งมาให้ทางบริษัทขนส่ง เพื่อให้ผู้บริหารพิจารณา
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ทราบถึงค่ารักษาจำนวนมาก บริษัทก็เริ่มมีท่าทีบ่ายเบี่ยงที่จะชดใช้ค่าเสียหาย ตัวแทนบริษัทขนส่งดังกล่าวได้โทรศัพท์มาแจ้งกับญาติผู้เสียหาย บอกปฏิเสธการรับผิดชอบ โดยระบุว่า ผู้เสียหายนั้นเดินไปชนประตูเอง จึงไม่สามารถรับผิดชอบหรือช่วยเหลือได้ หรือหากจะให้รับผิดชอบ ก็ให้ทางครอบครัวสรุปรายจ่ายค่ารักษามาแบบวันต่อวัน
ตนและครอบครัวรู้สึกเสียใจและเสียความรู้สึกที่ถูกปฏิเสธแบบไม่มีเยื่อใยกลับมา ทั้งที่ผู้เสียหายก็มีประกันชีวิตที่ทำโดยบริษัทประกันภัยในประเทศนอร์เวย์อยู่แล้ว ทางบริษัทขนส่งจึงไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพียงแค่ช่วยเหลือในส่วนต่างค่ารักษาและเยียวยา แสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็พอ
เมื่อเห็นว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น และไปร้องให้เพจสายไหมต้องรอดช่วยเหลือ เพื่อสอบสวน หาผู้รับผิดชอบในกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ทางด้านสามีอาการดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังคงต้องพักรักษาตัวต่อไป และยังไม่สามารถสรุปตัวเลขค่ารักษาพยาบาลได้
โดย นายเอกภพ กล่าวว่า ผู้เสียหายต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU นานกว่าครึ่งเดือน โดยโรงพยาบาลประเมินค่ารักษาจนถึงปัจจุบันกว่า 1.3 ล้านบาทแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการเข้ามารับผิดชอบจากทางบริษัทคู่กรณี
ทั้งนี้ ตนไม่ได้ชี้ว่าใครถูกหรือผิด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอุบัติเหตุ จึงอยากให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงให้สื้นกระแสความ เพื่อหาผู้รับผิดชอบกับกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมกับได้ยกตัวอย่างว่าก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงชรา ประสบอุบัติเหตุลักษณะคล้ายๆ กัน ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านรังสิต ซึ่งกรณีนั้นทางห้างสรรพสินค้ายินดีรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล และเยียวยาให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ดี ซึ่งอยากให้กรณีนี้จบกันด้วยดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม วันนี้ทางตำรวจได้เชิญตัวแทนบริษัทขนส่งต้นเหตุ และญาติผู้เสียหายมาเจรจาเพื่อหายุติร่วมกัน ทั้งนี้ อยากเตือนผู้สูงอายุให้ระมัดระวังในการใช้ประตูอัตโนมัติโดยทั่วไปด้วย ซึ่งกรณีแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก และเป็นเรื่องกฎหมายแต่ละประเทศ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายคุยกันเป็นไปด้วยดี ทางบริษัทยินดีที่จะดูแลผู้โดยสารทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ของบริษัท
โดยล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา ทางตำรวจได้เชิญตัวแทนฝ่ายกฎหมายบริษัทขนส่งต้นเหตุ และญาติผู้เสียหายมาเจรจาเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน ซึ่งหลังการเจรจาได้ข้อสรุปออกมาเป็นไปในแนวทางที่ดี ว่า ทางบริษัทขนส่งยอมรับในเงื่อนไขของญาติผู้เสียหาย เนื่องจากทางผู้เสียหายมีบริษัทประกันภัยรับผิดชอบอยู่แล้ว
โดยในตอนแรกมีการสื่อสารกันผิดพลาด ทางบริษัทจึงเข้าใจว่าต้องจ่ายค่าเสียหายครอบคลุมทุกสิ่งแก่ผู้เสียหาย แต่ตอนนี้เข้าใจตรงกันแล้วว่า มีแค่ส่วนต่างค่ารักษาพยาบาล พร้อมทั้งแสดงความเป็นมนุษยธรรมแก่ครอบครัวผู้เสียหาย ซึ่งทางบริษัทจะรับเรื่องไปพิจารณาเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาในส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับเงื่อนไขทางกฎหมาย
ขณะที่ทางญาติก็พึงพอใจและรู้สึกดีขึ้นในระดับหนึ่งที่บริษัทขนส่งจะรับผิดชอบ โดยยังไม่ได้มีการกำหนดตัวเลขเงินช่วยเหลือเยียวยาแต่อย่างใดต้องให้แล้วเสร็จกระบวนการตรวจสอบตามกฎหมาย รวมถึงพิสูจน์หลักฐานทั้งหมดก่อน
เบื้องต้นทางครอบครัวผู้เสียหายรับเงื่อนไขที่เสนอมาได้ เนื่องจากผู้เสียหายมีประกันอยู่แล้ว ต้องการเพียงให้บริษัทช่วยเหลือด้วยน้ำอกน้ำใจบ้าง ซึ่งตนค่อนข้างมั่นใจว่า ประตูมีเซนเซอร์ 360 องศา ผู้เสียหายไม่ได้เอาขาไปเกี่ยวเองอย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการเยียวยาจากทางบริษัท
อย่างไรก็ตาม ภายใน 1-2 วันนี้ พนักงานสอบสวนจะเชิญเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และผู้ชำนาญการไปตรวจสอบอุปกรณ์เซ็นเซอร์ประตูอัตโนมัติของบริษัทขนส่งต้นเหตุ ว่า มาจากความผิดพลาดของการทำงานหรือไม่ ประตูได้รับการซ่อมบำรุงรักษาเป็นประจำไหม และตรวจสอบกล้องวงจรปิดวันที่เกิดเหตุ รวมถึงสืบหาบริษัทที่เป็นผู้ติดตั้งประตู เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีต่อไป
โดยพนักงานสอบสวนจะเร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว เนื่องจากประตูดัวกล่าวเป็นประตูสาธารณะ หากฝ่ายบริษัทขนส่งเข้าข่ายความผิดก็ต้องดำเนินคดีในข้อหากระทำการอาจเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้าบริษัทขนส่งไม่ผิด ทางผู้เสียหายก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเอาเอง