รอง ผบช.ก. สั่งเร่งขยายผลส่วยกรมทางหลวง ลั่นหลักฐานสาวถึงใครดำเนินคดีเด็ดขาด พบ 4 ปี เงินพบหมุนเวียนในบัญชีม้ากว่า 200 ล้าน ด้านโฆษกคมนาคม เผย ต้นสังกัดสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงแล้ว รับด่านชั่งน้ำหนักยังหละหลวม
วันนี้ (3 ก.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.ธณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปปป. นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วย รัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม และ โฆษกกระทรวงคมนาคม นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “ล้างบางspot check” ปราบเจ้าหน้าที่รัฐเก็บส่วยรถบรรทุก จับกุมตัว นายนพดล อายุ 57 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลอาวุโส หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุบลราชธานีขาออก กรมทางหลวง และ เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ Spot check ,นายอเนกฯ อายุ 59 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลชำนาญงาน หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้านครราชสีมา และนายธงชัย หรือ บอย อายุ 38 ปี พลเรือนซึ่งทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อ ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3
โดย นายนพดล กับ นายเอนก ถูกดำเนินคดีในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วน นายธงชัย ถูกดำเนินคดีในข้อหา “สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” พร้อมกับเชิญตัว นายประทินฯ อายุ 39 ปี เจ้าของบัญชีธนาคารมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยเช่นเดียวกัน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า พฤติกรรมรับส่วยรถบรรทุกถือเป็นเรื่องใหญ่หากเจ้าหน้าที่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ก็จะส่งผลกระทบกับประชาชน และสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติ สำหรับเงินหมุนเวียนเวียน 200 ล้าน ภายใน 4 ปี หากขยายผลพบใครเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีให้หมด นอกจากเงินผ่านบัญชียังพบว่า มีเงินสดจำนวนมากซึ่งไม่สามารถระบุจำนวนได้ชัดเจน โดยคาดว่าหลังจากนี้จะมีผู้ต้องหาเพิ่ม และเชื่อว่ามีตัวการใหญ่ในกรมทางหลวงอยู่เบื้องหลัง ยืนยันไม่มีมวยล้มต้มคนดู
ด้าน พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าวว่า เงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวน 200 ล้านบาท เป็นเพียงเงินขาเข้าบัญชีที่มาจากผู้ประกอบการรถบรรทุกภาคอีสานประมาณ 200 ราย ซึ่งโอนผ่านบัญชีม้าของนายประทิน ก่อนจะแปลงเป็นเงินสดออกจากบัญชีซึ่งต้องขยายผลต่อว่ามีการส่งต่อไปให้ใครบ้างซึ่งตอนนี้มีผู้เสียหายที่ให้ข้อมูลกับตำรวจแล้วประมาณ 50 ราย แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการอีกหลายรายที่ไม่ได้เข้ามาให้ข้อมูลเนื่องจากกังวลว่าจะถูกดำเนินคดีเพราะ ยินยอมจ่ายให้เจ้าหน้าที่เอง
ขณะที่ นายจักรกฤช กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องทางกรมทางหลวงได้สั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ยอมรับว่าจากการตรวจสอบระบบ กรมทางหลวงในการชั่งน้ำหนักรถบรรทุก มีความหละหลวมเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถตอบคำถามว่าจะมีมาตรการติดตามรถบรรทุกที่น้ำหนักเกินได้อย่างไร อีกทั้งชุดเฉพาะกิจ Spot check บางชุด ก็ไม่ได้มีการรายงานผลจับกุมผลการปฏิบัติการเป็นลักษณะของการปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงานกันเอง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทางหลวง มีจำนวนน้อย ด่านชั่ง 1 ด่าน มีเพียง เจ้าหน้าที่ทางหลวง 1 คน ที่เหลือเป็นเพียงลูกจ้างที่ปฏิบัติงานตามด่านชั่งน้ำหนักเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางสืบสวนของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ตรวจพบบัญชีม้าของผู้ต้องหากลุ่มนี้ ที่เปิดขึ้นในชื่อของนายประทิน เพื่อใช้รับโอนเงินจากผู้ประกอบการนั้น พบว่า บัญชีดังกล่าวถูกเปิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 จนถึงเดือนมิถุนายน 2566 ระยะเวลาประมาณ 10 เดือน มีเงินโอนเข้าบัญชีดังกล่าวทั้งการรับโอนและฝากเงินสดเข้าตู้เอทีเอ็ม รวมกว่า 6,265,631 บาท
ขณะที่การตรวจสอบเส้นทางการเงินบัญชีธนาคารของ นายธงชัย หรือ บอยหน้าเสื่อ พบว่า ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน มีการเงินหมุนเวียนเข้าออกรวมกว่า 126,460,745 บาท ซึ่งในจำนวนนี้มีการโอนไปยังบัญชีธนาคารส่วนตัวของ นายนพดล หน้าหน้าชุด จำนวน 31 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3,161,100บาท แต่จากแนวทางสืบสวนพบว่าวิธีการผ่องถ่ายเงินส่วยส่วนใหญ่จะใช้วิธีกดถอนเงินสดแล้วนำไปส่งมอบตามจุดนัดหมาย อยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบในส่วนนี้เพิ่มเติม
ในส่วนของบัญชีธนาคารส่วนตัวของ นายนพดล จำนวน 1 บัญชี ที่ใช้รับโอนเงินจาก นายธงชัย พบว่า ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน มีผู้โอนเงินหรือฝากเงินสดเข้ามา 13,237,672 บาท เมื่อตรวจสอบรายละเอียดปลีกย่อยของผู้ฝากเงินเข้ามา ยังพบว่า มีการรับโอนเงินมาจากบัญชีธนาคารของ นายเอนก หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้า เข้ามายังบัญชีธนาคารของนายนพดล ตั้งแต่ปี 2563-2566 รวมเป็นเงิน 5,526,500 บาท ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นเงินส่วยรถบรรทุกเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจพบความเชื่อมโยงดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายเอนก ก่อนพบหลักฐานสำคัญ ว่า มีการรับโอนเงินจากผู้ประกอบการรถบรรทุกโดยตรงในลักษณะรายเดือน ตกเดือนละตั้งแต่ 5,000 -100,000 บาท เฉพาะปี 2563-2566 มีเงินฝากเข้าบัญชีและโอนเงินเข้ามาบัญชีของ นายเอนก รวมประมาณ 11,465,976 บาท