xs
xsm
sm
md
lg

รวบ “บังโอ๋-โก๋อุ้ม” วิน จยย.รับจ้างโหด ใช้มีดไล่ฟันคู่กรณี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจสืบสวนนครบาลจับกุม “บังโอ๋-โก๋อุ้ม” 2 หนุ่มวิน จยย.รับจ้าง ร่วมกันก่อเหตุใช้มีดไล่ฟันคู่กรณี

วันนี้ (3 ก.ย.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น ร่วมกับนักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 115 ร่วมกันจับกุมนายสุรศักดิ์ หรือบังโอ๋ อายุ 45 ปี และนายนราธิป หรือโก๋อุ้ม อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา กระทำความผิดฐาน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และพาอาวุธ (มีด) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร สามารถจับกุมบริเวณลานโล่งปากซอยลาดพร้าว 85 ถ.ลาดพร้าว แขวงคลองถนนสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อช่วงกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่หญิงสาวรายหนึ่งเดินกลับจากเลิกงานเพื่อจะโดยสารรถจักรยานยนต์หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านวังทองหลาง เพื่อจะมุ่งหน้ากลับบ้าน เมื่อมาถึงที่บริเวณห่างจากวินจักรยานยนต์ประมาณ 700 เมตร นายสุรศักดิ์ ได้ขี่รถมาเทียบท่ารอให้เธอขึ้นรถ แต่ปรากฎด้วยความที่เธอตัวเล็ก และรถจักรยานยนต์ค่อนข้างสูง เธอจึงขอให้เปลี่ยนรถคันใหม่เพราะนั่งไม่สะดวก หลังจากนั้น นายสุรศักดิ์ขี่รถหายไปจากบริเวณดังกล่าวพร้อมกับบอกว่า “เดี๋ยวจะไปตามวินคนอื่นมารับ” แต่ปรากฏเวลาผ่านไป 30 นาที จนเธอยืนรอแทบไม่ไหว ตัดสินใจเดินกลับไปที่วิน และต่อว่า นายสุรศักดิ์ ทำไมถึงไม่มีรถมารับและปล่อยให้เธอต้องยืนรอนาน เมื่อนายสุรศักดิ์ ได้ยินเสียงบ่นของหญิงสาวผู้นั้น จึงโกรธจนง้างมือฟาดเพื่อจะตบเข้าไปที่ใบหน้าของหญิงสาว แต่เธอหลบได้ทัน พร้อมกับวิ่งหลบหนีไป จากนั้นหญิงสาวได้โทรศัพท์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แฟนได้ฟัง ซึ่งแฟนของหญิงคนดังกล่าว เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ ทราบเรื่องจึงรีบชวนลูกชายบึ่งมาที่บริเวณวินดังกล่าว

หลังจากนั้น ได้เกิดการโต้เถียงปะทะคารมกันชุดใหญ่ ไม่ทันไร นายสุรศักดิ์ พร้อมนายนราธิป ได้จัดการรุมสาวหมัดเข้าซัดผู้เสียหาย ก่อนจะมีการนำเอาอาวุธมีดขอไล่ฟันสองพ่อลูกจนต้องพากันพยายามวิ่งหนีหลบหนีออกมากจากจุดดังกล่าวเพื่อเอาชีวิตรอด แต่นายสุรศักดิ์ และนายนราธิปยังโกรธแค้นเหมือนเคยเข่นฆ่ากันมาตั้งแต่ชาติก่อน วิ่งตีคู่ไล่ตามหวังจะเอาชีวิตให้ได้ ผู้เสียหายผู้เป็นพ่อเห็นท่าไม่ดี สัญชาตญาณความเป็นพ่อ ลืมอันตรายทุกอย่างที่ขวางหน้า ตัดสินใจคว้าอาวุธมีด วิ่งไปช่วยลูก จนเกิดการปะทะกัน แต่มีดของผู้เสียหายที่เล็กกว่า จึงหักลงครึ่งท่อนเป็นเหตุให้กระดูกนิ้วมือของผู้เสียหายแตกละเอียดจนได้รับบาดเจ็บ แต่ยังตัดสินใจคว้ามือลูกพาวิ่งต่อ จนสามารถหนีกลับเข้าไปหลบในบ้านได้ แต่ก็ยังถูกนายสุรศักดิ์ และนายนราธิป ตามมาถึงบ้าน ก่อนจะฟันกระจกหน้าบ้านจนแตกละเอียด เพื่อระบายอารมณ์ หลังจากนั้น เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง นายสุรศักดิ์ และนายนราธิปเดินวนเวียนเอามีดดาบลากพื้นไปมา พร้อมตะโกนท้าทายทั้ง 2 คน ตลอดเวลาว่า “พวกมึงแน่จริงก็ออกมา กูจะฟันให้หัวแบะเลย” ทั้งนี้ ผู้ต้องหายังใช้มีดสับเบาะรถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้หน้าบ้านจนเสียหาย จากนั้นสองพ่อลูกช่วยกันขนโซฟามาขวางประตูบ้าน และขดตัวหลบอยู่ในหลืบอย่างหวาดกลัว จนกลุ่มคนร้ายถอดใจและเดินออกจากบริเวณดังกล่าวไป

โดยหลังจากเกิดเหตุทั้งสองคนพ่อลูกตัดสินใจรวบรวมความกล้าเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย จนล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ไว้ ซึ่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ได้รับรายงานเหตุดังกล่าว และเห็นว่าหากปล่อยให้ คนร้ายที่มีพฤติการณ์อุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมายทั้ง 2 รายนี้ ที่ประกอบอาชีพวินรับจ้าง ยังเพ่นพ่านอยู่ในสังคม อาจจะเป็นอันตรายแก่ประชาชนโดยทั่วไปได้ จึงสั่งการส่งชุดสืบสารวัตรแจ๊ะ พร้อมนักเรียนหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่นที่ 115 ลงพื้นที่สืบสวนแกะรอย จนพบว่า นายสุรศักดิ์ และนายนราธิป คนร้ายทั้ง 2 คนนี้ ยังทำงานเป็นวินจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ลอยหน้าลอยตาแบบหน้าตาเฉย จึงวางกำลังซุ่มโปรง สังเกตพฤติกรรมของคนร้ายทั้ง 2 คนนี้ จนเห็นว่า คนร้ายทั้ง 2 รายนี้ หลังเลิกขับวิน จะรับจ๊อบเสริมรดน้ำต้นไม้ ให้พื้นที่รกร้างริมถนนลาดพร้าว เมื่อจังหวะเวลาฤกษ์งามยามดี เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ในที่สุด

ในชั้นจับกุมนายสุรศักดิ์ และนายนราธิป ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนเองยืนยันว่า ฝ่ายผู้เสียหายเป็นคนหาเรื่องก่อน จากการไม่พอใจที่ตนปล่อยให้ผู้หญิงที่เป็นเมียของผู้เสียหายต้องรอรถนาน แต่ในส่วนที่กลับไปหยิบอาวุธมีดมาใช้ทำร้ายผู้เสียหายนั้นยืนยันว่า พวกของตนไม่ได้ฟันผู้เสียหายแบบสับเป็นหมู แค่ฟันแค่ระยะประชิดเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น หลังจับกุมตัว ได้นำตัวนายสุรศักดิ์ และนายนราธิป ส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ เนื่องจากพยานหลักฐานที่มีค่อนข้างแน่นหน้าและรัดกุม ประกอบกับผู้เสียหายในคดีนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส พฤติการณ์ของคนร้าย 2 คนนี้ ถือได้ว่าเป็นภัยต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนร้ายเป็นวินจักรยานยนต์รับจ้าง ทั้ง 2 คน เป็นอาชีพที่ประชาชนทั่วไปต้องสัมผัสเป็นประจำทุกวัน หากปล่อยให้คนที่มีพฤติกรรมนิยมความรุนแรงเช่นนี้เพ่นพ่านอยู่ในสังคมได้โดยปกติสุข อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนคนอื่นได้อีกในอนาคต จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มีข้อมูลหรือพบเห็นวินจักรยานยนต์หรือคนขับรถโดยสารประเภทอื่น มีพฤติกรรมรุนแรงและอุกอาจเช่นนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.




กำลังโหลดความคิดเห็น