xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : 'ทักษิณ' ย่ามใจ ครอบงำ 'เพื่อไทย' เหตุไปสู่ยุบพรรค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันอังคารที่ 27 สิงหาคม2567 ตอน 'ทักษิณ' ย่ามใจ ครอบงำ 'เพื่อไทย' เหตุไปสู่ยุบพรรค



คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ 'เศรษฐา ทวีสิน' พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อกลางเดือนที่่ผ่านมา ดูเหมือนจะสร้างแรงกระเพื่อมในทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกรณีความล่าช้าในการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าต้องเป็นมนุษย์สะอาดใสประดุจผ้าขาวเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับจริยธรรมในภายหลัง มาจนถึงล่าสุดมีการยื่นให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.พิจารณา ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคเพื่อไทย

ในประเด็นหลังตรวจสอบพบว่าผู้ร้องที่เสนอเรื่องไปที่กกต.นั้นเป็นบุคคลที่ไม่ประสงค์ออกนาม โดยอ้างถึงเหตุผลสมควรที่ต้องยุบพรรคเพื่อไทยโดยอาศัยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีของอดีตนายกฯเศรษฐามาเป็นฐานในการพิจารณา ความตอนหนึ่งว่า

"ปรากฏจากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนต่าง ๆ อย่างแพร่หลายว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย (ในขณะนั้น) ได้เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร เพื่อรดน้ำขอพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า สถานที่พักอาศัยของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นายเศรษฐา ทวีสิน จะต้องตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรี"

"... แม้ว่านายเศรษฐามีอำนาจในการเสนอแต่งตั้งรัฐมนตรี แต่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเสนอชื่อหรือเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ดังนั้น การคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่เป็นโควต้าของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน จะต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ. 2561 ส่วนที่ 3 การคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้อ 112"

ข้อกล่าวหาในทำนองนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทยต้องเผชิญ เพราะเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้วเคยมีการร้องไปยังกกต.เพื่อให้ตรวจสอบว่าแคมเปญหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ว่า "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" มีความผิดหรือไม่ แต่เรื่องก็เงียบหายไป มีแต่เพียงการเคยออกมาแสดงความคิดเห็นของอดีตกกต.อย่าง 'สดศรี สัตยธรรม' เมื่อปี 2561 ที่มองว่าการเอาผิดพรรคการเมืองในประเด็นทำนองนี้ ทำได้ยากในทางปฏิบัติ

ถ้ามองในแง่ของข้อกฎหมายไปจนถึงข้อเท็จจริงแล้ว ต้องยอมรับว่าถ้าจะเอาผิดพรรคเพื่อไทยด้วยข้อหานี้ กกต.ต้องได้ข้อเท็จจริงที่ถึงขนาดที่ชี้ให้เห็นว่า 'ทักษิณ' ครอบงำพรรคเพือไทยและสมาชิกพรรคเพื่อไทย จนขาดความเป็นอิสระตามมาตรา 29 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 แม้ว่ามาตรา 92 จะเปิดช่องให้กกต.มีเพียงแค่หลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าก็ตาม

โดยการจะเข้าถึงข้อเท็จจริงที่่ว่านั้นได้ หมายความว่ากกต.ต้องรู้ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วบทสนทนาที่เกิดขึ้นในบ้านจันทร์ส่องหล้ามีการพูดในเรื่องอะไรบ้าง ถามว่ากกต.จะมีศักยภาพมากพอในการเค้นข้อมูลจากปาก 'ทักษิณ-เศรษฐา' หรือไม่ เพราะมีแต่เพียงสองคนนี้เท่านั้นที่รู้ว่าคุยอะไรกัน ครั้นจะอ้างข้อมูลจากข่าวตามสื่อมวลชน กกต.เองจะแน่ใจได้อย่างไรว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้องและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามกฎหมายได้

ขณะเดียวกัน การอ้างพฤติการณ์ของพรรคเพื่อไทยหรือแม้แต่การให้สัมภาษณ์ของ 'ชวน หลีกภัย' ที่มีลักษณะเป็นการยินยอมให้ 'ทักษิณ' ครอบงำพรรคเพื่อไทยนั้น ก็ดูเหมือนเป็นการจับแพะชนแกะกันไปหน่อย ครั้นจะมาอ้างว่ามีน้ำหนักมากพอที่จะเป็น "หลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า" ตามกฎหมายพรรคการเมือง กกต.เองคงต้องคิดหนักพอสมควรเหมือนกัน ถ้าอยากจะเอาผิดจริงๆ

อย่างไรก็ตาม แม้กรณีนี้อาจจะไม่ได้ระคายผิวพรรคเพื่อไทยเท่าใดนัก เพราะในทางปฏิบัติเอาผิดได้ยาก แต่อีกด้านหนึ่งอย่าลืมว่ากรณีพิพาททำนองนี้ อยู่เหนือทุกข้อจำกัดทั้งสิ้น จะเอาแต่ข้อกฎหมายมาจับอย่างเดียวโดยมองข้ามปัจจัยทางการเมืองไปไม่ได้

ดังนั้น ภายใต้ความย่ามใจของพรรคเพื่อไทย อาจมีเหตุการณ์ทางการเมืองที่คาดไม่ ถึงเกิดขึ้นก็เป็นไปได้

------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android


กำลังโหลดความคิดเห็น