“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการวันพุธที่ 21 สิงหาคม 2567 ตอน ปชป.ลืมความแค้น รอจังหวะเสียบแทน พลังประชารัฐแตกหัก
สถานการณ์ทางการเมืองว่าด้วยการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ส่อเค้าวุ่นวายมากกว่าที่คิด ความวุ่นวายที่ว่านี้ไม่ได้เกิดจากภายในของพรรคเพื่อไทย เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าเมื่อนายใหญ่ 'ทักษิณ ชินวัตร' กลับมาแล้ว นั่นหมายความถึงความเป็นเอกภาพที่ฟื้นคืนมาด้วย
แต่ปัญหาเวลานี้มาจากความขัดแย้งภายในของพรรคพลังประชารัฐเอง ภายหลังเกิดความขัดแย้งระหว่าง 'บิ๊กป้อม' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค กับ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค
ปัญหาความเป็นเอกภาพในพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว หลังจากมีข่าวคนในพลังประชารัฐเคยคิดการใหญ่จะเอาลุงตู่ออกจากเก้าอี้นายกฯ ด้วยการโหวตคว่ำกลางเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เมื่อไม่สำเร็จ ทำให้หลายคนต้องกลายเป็นแพะรับบาปไม่อาจอยู่ในพรรคพลังประชารัฐต่อไป
ต้องออกไปอาศัยพรรคเศรษฐกิจไทยเป็นการชั่วคราว ก่อนที่จะกลับมาช่วยงานพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง หลังจากบิ๊กตู่ออกไปร่วมก่อร่างสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ
บิ๊กป้อม กับ ผู้กองธรรมนัส ที่ผ่านมาเหมือนเป็นแม่ทัพกับนายกองที่ทำงานคู่กันมาตลอด ผู้กองธรรมนัส คอยทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาและประสานงานให้กับพรรคพลังประชารัฐ ทั้งในเรื่องงานฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ เรียกได้ว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ทำให้มีโอกาสกลับมาที่พรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง
หากจะบอกว่าพรรคพลังประชารัฐที่ยังโลดแล่นในเวทีการเมืองได้จนถึงป่านนี้ก็มาจากการทำงานของผู้กองธรรมนัสเป็นส่วนใหญ่นั่นเอง จนหลายฝ่ายนึกว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นของผู้กองธรรมนัสไปแล้ว
ทว่า ผลของคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสอยจนตกเก้าอี้ผู้นำประเทศ สร้างความหวาดผวาให้กับฝ่ายการเมืองในการเสนอชื่อบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยมีประวัติมาก่อนอย่างร้อยเอกธรรมนัส ทำให้พล.อ.ประวิตร ชิงประกาศว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะไม่มีชื่อของผู้กองธรรมนัส
การประกาศเช่นนั้นทำให้เกิดการตีความไปหลายประการ ด้านหนึ่งมองว่าจริงๆแล้วประวัติที่แสนโลดโผนของผู้กองธรรมนัสไม่ใช่ปัญหา เพราะอย่างน้อยที่สุดศาลรัฐธรรมนูญก็เคยมีคำวินิจฉัยแล้วว่าจะเอาคำพิพากษาของศาลต่างประเทศมาเป็นฐานในการวินิจฉัยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไม่ได้
แต่วัตถุประสงค์หลักของบิ๊กป้อมที่พูดเช่นนั้น คือ ความพยายามในการชิงพรรคพลังประชารัฐกลับคืนมา หลังจากร้อยเอกธรรมนัสคุมอำนาจไว้เบ็ดเสร็จมานานพอสมควร แม้ว่าร้อยเอกธรรมนัสจะเป็นคนจัดการทุกอย่างภายในพรรค แต่การที่พรรคพลังประชารัฐยังไม่โดนหางเลขจากนิติสงครามไปด้วย ก็เป็นเพราะคอนเนคชั่นทางการเมืองที่โยงใยอยู่กับบิ๊กป้อมด้วย
เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน จึงไม่แปลกที่ร้อยเอกธรรมนัสจะประกาศแตกหักออกมาชัดเจน พร้อมดึงส.ส.เกือบครึ่งมาอยู่ด้วยกัน เพื่อเสนอคนในคาถาของตัวเองต่อพรรคเพื่อไทยในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
พรรคเพื่อไทย ในฐานะคนกลางก็ไม่ได้สนใจกับกิจการภายในพรรคพลังประชารัฐเท่าใดนัก โดยปล่อยให้คนของพรรคพลังประชารัฐจัดการกันเอง แต่กระนั้นก็มีความน่าวิตกเล็กน้อยเช่นกัน เพราะหากพรรคพลังประชารัฐยังเคลียร์กันไม่ลง การตั้งคณะรัฐมนตรีก็ต้องล่าช้าออกไปด้วย ซึ่งทักษิณเองก็ย้ำว่ารัฐบาลจำเป็นต้องมีเสียงที่เข้มแข็งในระดับหนึ่ง
แบบนี้ทำให้หลายฝ่ายเริ่มชายตามาที่ 'พรรคประชาธิปัตย์' ทันที
จริงอยู่กว่า 20 ปีที่ผ่านมาทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ ต่างเป็นศัตรูคู่แค้นในทางการเมืองมาโดยตลอด และคงไม่มีวันมาทำงานร่วมกันได้ แต่การที่ 'ชวน หลีกภัย' ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค หรือแม้แต่แกนนำของพรรคในปีกของนายหัวชวน เริ่มออกมาพูดดักทางพรรคตัวเอง ย่อมเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า 'เฉลิมชัย ศรีอ่อน' หัวหน้าพรรค ก็อาจมีความคิดวูบหนึ่งในการเข้าร่วมรัฐบาลไม่มากก็น้อย
ส.ส.ในปีกของหัวหน้าเฉลิมชัยนั้นก็ไม่ได้เก็บความขัดแย้งจากเหตุการณ์เมื่อปี 2553 มาใส่ไว้ในอกอีกแล้ว มองแต่เพียงว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรมีโอกาสทำงานให้กับประชาชนในฐานะการเป็นรัฐบาล ไม่ใช่ฐานะฝ่ายค้านเหมือนทุกวันนี้
ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ 'เฉลิมชัย' ว่าการเข้าไปร่วมรัฐบาลกับศัตรูคู่แค้นอันดับหนึ่ง จะคุ้มกับราคาที่อาจต้องจ่ายในอนาคตหรือไม่
------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android