ตำรวจสืบสวนนครบาลจับ “บลู สวนหลวง” อดีตครูสอนภาษาชั้นมัธยมต้นโรงเรียนดัง ผันตัวมาค้าไอซ์ผ่านไลน์ในกลุ่ม LGBT หรือให้ลูกค้ายอมมีเซ็กซ์แลกเสพยาฟรี
วันนี้ (20 ส.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 5 ดำเนินการจับกุมนายบลู ภายหลังนำกำลังไปเฝ้าจุดอยู่ที่คอนโดหรูใกล้แยกพัฒนาการ ตัดศรีนครินทร์ เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.30 น.
โดยพฤติการณ์สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.ทำการสืบสวนจนพบข้อมูลว่า ในคอนโดหรูแห่งดังกล่าว มีชาย LGBT ซึ่งเป็นอดีตครูมัธยมต้นโรงเรียนชื่อดัง หลังลาออกจากการเป็นครูมาซื้อคอนโดหรู ลักลอบจำหน่ายยาไอซ์ให้แก่ลูกค้า จึงได้วางแผนเฝ้าดูพฤติกรรม จนพบตัวนายบลู ตามข้อมูล ขณะกำลังนำถุงกระดาษต้องสงสัยลงมาวางเพื่อรอให้แก่ลูกค้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัวเพื่อทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้น พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือไอซ์ ) น้ำหนักรวมถุงประมาณ 1.7 กรัม บรรจุอยู่ภายในกล่องพัสดุ ซุกซ่อนอยู่ในถุงกระดาษสีน้ำตาล
จากการซักถามปากคำนายบลู รับสารภาพว่า ตนกำลังจะนำยาไอซ์ ซึ่งตนอำพรางไว้ในกล่องพัสดุ ซุกซ่อนอยู่ในถุงกระดาษสีน้ำตาล มาวางไว้ให้แก่ลูกค้า ซึ่งได้มีการสั่งซื้อผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ พร้อมกับรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเพิ่มเติมว่า บนห้องพักของตนยังมียาไอซ์และอุปกรณ์การเสพ อุปกรณ์การแพ็กจำหน่ายซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนหนึ่ง โดยตนรู้สึกสำนึกในความผิดที่ได้กระทำ จึงได้สมัครใจนำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมขึ้นไปตรวจค้นภายในห้องพักซึ่งอยู่ชั้น 20 ของคอนโดดังกล่าว
โดยผลการตรวจค้นพบของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดีจำนวนหลายรายการ โดยมีของกลางสำคัญเกี่ยวกับคดี ประกอบด้วย ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) จำนวน 89 ถุง น้ำหนักรวมทั้งหมด 644.7 กรัม หรือกว่าครึ่งกิโลกรัม (ลักษณะใส่ถุงเตรียมแบ่งขาย) สมุดบัญชีธนาคาร 7 เล่ม เข็มฉีดยา จำนวน 141 เข็ม อุปกรณ์การเสพยาเสพติดและเครื่องชั่งจำนวนหนึ่ง กล่องพัสดุเปล่าสีน้ำตาล ถุงกระดาษสีน้ำตาล อุปกรณ์การจัดส่งต่างๆ ถุงพลาสติกใสแบบกดปิด ดึงเปิด สำหรับบรรจุยาเสพติดเพื่อจำหน่าย และพยานหลักฐานอื่นๆ อีกหลายรายการ
ทั้งนี้ นายบลู ให้การอีกว่า เดิมทีตนมีอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษชั้นมัธยมต้นของโรงเรียนดังแห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุง รับราชการครูอยู่ประมาณ 3 ปี ต่อมาประมาณปี 2562 ตนหลงไปคบหากับคู่ขา ซึ่งเป็นนักค้ายาเสพติดจนติดยาเสพติด (ไอซ์) จากนั้นจึงได้ลาออกจากการเป็นครู เริ่มมาขายยาไอซ์ควบคู่กับการเสพ โดยขายผ่านไลน์ส่วนตัว ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 99 เปอร์เซ็นต์จะเป็นกลุ่ม LGBT ซึ่งมีการแนะนำกันให้มาสั่งซื้อกับตน ผ่านการแอดไลน์ส่วนตัว โดยเมื่อลูกค้ามีการสั่งยากับตนผ่านไลน์ ตนจะแพ็กยาไอซ์ลงในกล่องพัสดุอำพรางด้วยถุงกระดาษสีน้ำตาลอีกชั้น เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต จากนั้นตนจะนำพัสดุไปวางไว้บริเวณจุดวางพัสดุใต้คอนโดที่พักและถ่ายภาพ จากนั้นจะเรียกใช้บริการไรเดอร์วิ่งงานให้มารับพัสดุไปส่งให้แก่ลูกค้าที่สั่ง
โดยที่ผ่านมา จากการขายยาเสพติดมีเงินหมุนเวียนในบัญชีเดือนละกว่า 600,000 บาทต่อเดือน จนเมื่อช่วงปลายปี 2567 คู่ขานักค้ายาเสพติดของตนได้เสียชีวิต ตนจึงหันไปหาคู่ผ่านแอปหาคู่ กลุ่ม LGBT เพื่อให้มามีความสัมพันธ์กับตน โดยแลกกับการที่ตนให้เสพยาไอซ์ฟรี
ทั้งนี้ ในขณะเข้าจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบคู่ขาของนายบลู จำนวน 2 คน ที่เดินทางมาเสพยาไอซ์เพื่อแลกกับการมีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสารเสพติดในร่างกายเบื้องต้น และส่งตรวจหาสารเสพติดในร่างกายที่โรงพยาบาลของรัฐ ปรากฏผลการตรวจเป็นบวก จึงได้จับกุมดำเนินคดี
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือ ไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน โดยผิดกฎหมาย นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในคราวเดียวกัน
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า สืบนครบาลเรามุ่งเน้นปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมรายสำคัญในพื้นที่ให้หมดไปอย่างจริงจัง โดยใช้มาตรการการปราบปรามอาชญากรรมองค์กรอย่างเข้มงวดเชิงรุกทุกรูปแบบ ซึ่งนับว่าเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมอื่นๆ ที่จะตามมา อันสร้างความเดือดร้อนและสร้างความเสียหายต่อสังคมในรูปแบบต่างๆ เป็นวงกว้าง ขอฝากเตือนอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเด็ดขาด นอกจากจะทำให้ชีวิตตนเองเดือดร้อนแล้ว คนในครอบครัวต้องทุกข์ใจต้องมาดูแล จึงขอฝากบอกน้องๆ เยาวชนทุกคน ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้น เราสามารถหยุดมันได้ กลับตัวกลับใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยเชื่อว่าครอบครัวและบ้าน คือ สถาบันและสถานที่ที่อบอุ่นและปลอดภัยที่สุด