หลังการต่อสู้ที่ยาวนานกว่า 3 เดือนในการยื่นอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ในที่สุด ก.พ.ค.ตร.ได้ยกอุทธรณ์ พร้อมชี้ว่าคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนที่ลงนามโดย "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ขณะดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทน ผบ.ตร. ชอบด้วยกฎหมาย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ตั้งแต่ 18 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนมีผล ถือว่ากระบวนการให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในการดำเนินการทางวินัย เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ทำให้สถานะของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ที่บัดนี้กลายเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรอง ผบ.ตร.
แต่กระนั้นใช่ว่าจะเป็นการปิดสวิตช์ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ไปเลยซะทีเดียว เพราะเจ้าตัวยังสามารถใช้สิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้อีก โดยคาดว่าจะมีการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา เพื่อเปิดโอกาสให้ตนเองได้มีสิทธิเป็นแคนดิเดตในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนที่ 15 ที่จะมีการคัดเลือกกันในช่วงต้นเดือนตุลาคม
ที่น่าจับตามองกว่า คือ การสอบวินัยร้ายแรง ที่ล่าสุด พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร.ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวน ออกมายืนยันว่าใกล้เสร็จสิ้นแล้ว เหลือสอบปากคำฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาอีก 5 ปาก ก็จะมีการกำหนดวันเรียกให้ บิ๊กโจ๊ก กับพวกเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา คาดว่าภายในเดือนสิงหาคม นี้ ก่อนจะสรุปผลการสอบสวน เสนอ ผบ.ตร.พิจารณา
หากผลออกมาว่าพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ไม่ผิดก็ต้องแต่งตั้งให้กลับเข้ารับราชการ คืนเก้าอี้ รอง ผบ.ตร.ให้ ในทางกลับกันหากชี้ว่าผิดจริงก็นำไปสู่การกำหนดโทษขั้นต่ำ คือ ปลดออก สูงสุด คือ ไล่ออก ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชย์ฯ อันนี้แหละคือการปิดสวิตช์จริง ถือว่าเส้นทางของ บิ๊กโจ๊ก บนเส้นทางสีกากี สิ้นสุดลงอย่างแท้จริง
จะเห็นว่าที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เดินหน้าสู้ทุกช่องทาง ทั้งทางตรง คือ ช่องทางตามกฎหมาย มีการยื่นอุทธรณ์ในทุกช่องทางที่กฎหมายเปิดช่อง เหลี่ยมทางกฎหมายทุกดอกงัดออกมาใช้หมด รวมทั้งไล่ฟ้องผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี รวมถึงผู้ที่วิพากษ์ในทางลบกับตนเอง
ขณะเดียวกันมีความพยายามในการเข้าหาผู้มีอำนาจในบ้านเมืองทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน รวมทั้งดึงเนติบริกร อย่างนายวิษณุ เครืองาม เข้ามาช่วย ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่เป็นผลเท่าใดนัก ทั้งหมดอาจเป็นวิบากกรรมของ บิ๊กโจ๊ก ที่จำต้องก้มหน้ายอมรับก็เป็นได้