ครูสาวร้องกองปราบถูกจ่าทหารเรือ อดีตแฟนหนุ่ม ใช้ปืนลูกซองจ่อหัวหลังจับได้มีกิ๊ก ซ้ำหลอกให้กู้เงินสหกรณ์มาลงทุน สุดท้ายทิ้งหนี้กว่าล้านบาทให้รับผิดชอบเพียงลำพัง
วันนี้ ( 14 ส.ค.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมนันท์ แตงทิม หรือ จ่าคิงส์ สะพานใหม่ พร้อมด้วย นายณัฐปกรณ์ สุดชา หรือ ทนายเจส พา น.ส.จี (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ กทม. เดินทางเข้าพบพ.ต.อ.ภิรมย์ เมืองไสย ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลังถูก จ่าทหารเรือ อดีตแฟนหนุ่มหลอกลวงเงินจนกลายเป็นหนี้สินกว่าล้านบาท
น.ส.จี กล่าวว่า เมื่อปี 59 ได้คบหาอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับจ่าทหารเรือคนดังกล่าว เพียงแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสหรือแต่งงานกัน ซึ่งระหว่างที่คบหากันนั้น อดีตแฟนหนุ่มรายนี้ได้ออกอุบายให้ตนไปกู้เงินสหกรณ์ครูมาให้จำนวน 1.3 ล้านบาท เพื่อมาลงทุนทำธุรกิจรถสองแถวและรถตู้ อ้างว่าเป็นธุรกิจครอบครัว วางแผนเพื่ออนาคต แต่รถทั้งสองคันเป็นชื่อของอดีตแฟนหนุ่มกับแม่ของเขา
น.ส.จี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จะเป็นตนที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านทั้งหมด โดยตัวเขาจะช่วยมาแค่เดือนละ 200 บาท แต่ตนก็ไม่ได้คิดน้อยใจอะไร เพราะเข้าใจว่าเป็นช่วงเริ่มต้นชีวิตคู่ กระทั่งต่อมาปี 65 ตนเกิดจับได้ว่า อดีตแฟนหนุ่มแอบไปมีหญิงอื่นจึงขอเลิก ทำให้เจ้าตัวไม่พอใจ ทำลายข้าวของในบ้าน พร้อมกับใช้อาวุธปืนลูกซองจ่อหัวตน ด้วยความกลัวจึงโทรไปขอความช่วยเหลือจากน้องชาย ก่อนมีการโทรพูดคุยกับแม่ของฝ่ายชายให้เข้ามาช่วยห้ามปราม
น.ส.จี กล่าวอีกว่า หลังเลิกรากันไปตนได้พยายามทวงขอเงินลงทุนกลับคืน เนื่องจากเดือดร้อนเพราะต้องแบกรับภาระหนี้สินที่ไปกู้เงินสหกรณ์มาลงทุนเพียงลำพัง โดยที่อดีตแฟนหนุ่มไม่เคยช่วยเหลือ หรือ แสดงความรับผิดชอบ จนไม่มีเงินติดตัว แต่สุดท้ายก็ถูกบ่ายเบี่ยง อ้างผัดผ่อนเรื่อยมา ซ้ำยังพูดข่มขู่อีกว่า หากทวงถามบ่อยๆ จะไม่ได้เงินแม่แต่บาทเดียว รวมถึงท้าให้ไปแจ้งความ ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ เขารู้จักผู้ใหญ่มากมาย ด้วยเหตุนี้ตนจึงต้องมาเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับทางตำรวจกองปราบ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำผู้เสียหาย ก่อนนำเรื่องส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป