ก.ต.สั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ผู้พิพากษา 2 ราย บอกจะยกฟ้องคดี ระหว่างการสืบพยาน เพื่อให้คู่ความไปเจรจากัน อีกรายดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา
ผู้สื่อข้าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2567 ที่ศาลฎีกา สนามหลวง นางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(ก.ต.) ครั้งที่ 21/2567 มีวาระการพิจารณาเเต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษาตามบัญชีรายชื่อของสำนักงานศาลยุติธรรม
โดย ก.ต.เห็นชอบเเต่งตั้งโยกย้าย ดังนี้ บัญชี 1 ผู้พิพากษาอาวุโสสับเปลี่ยนตำแหน่ง (เพิ่มเติม)
1. นายบวรศักดิ์ ทวิพัฒน์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ภาค 5 เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์
2. นายวีระชาติ กุลอัศยะศิริ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์แรงงาน ภาค 5 เป็นพิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ภาค 5
บัญชี 2 แต่งตั้งผู้พิพากษาอาวุโส (เพิ่มเติม)
1. นายประเสริฐ ช่อดอก ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลเยาวชนฯยะลา เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลแขวงสงขลา
บัญชี 3 ชั้น 4 สับเปลี่ยนตำแหน่ง (เพิ่มเติม)
1. นายทวีศักดิ์ จันทร์วีระเสถียร ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์ เป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนกลาง
2. นางนงนภา จันทรศักดิ์ ลิ่มไพบูลย์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์ เป็น ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ (แรงงาน)
3. นายณัฐดนัย ศกุนตนาคฐิติส์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์ภาค 1
4. นายสมเกียรติ คูวัธนไพศาล ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ (แรงงาน) เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์
5. นายสังคม เมฆอรุณลักษณ์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 6 เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์ภาค 4
6. นายเดชะ วีระเดช ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์
7. นายสุรชัย คอประเสริฐศักดิ์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 เป็นรองประธานแผนกคดี ผู้บริโภคในศาลอุทธรณ์
8.นางอรวรรณ อินทวดี ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์
นอกจากนี้ ก.ต.ยังพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จริงข้าราชการตุลาการ กรณีมีพฤติกรรมพูดกับคู่ความฝ่ายโจทก์ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ว่าจะยกฟ้อง ให้คู่ความไปเจรจาตกลงกันก่อน และระหว่างสืบพยานโจทก์ได้พูดให้โจทก์ถอนฟ้องและขอค่าขึ้นศาลคืนจะดีกว่า ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของทางราชการและจริยธรรรมของข้าราชการตุลาการตามที่ ก.ต. กำหนด
ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 55 และมาตรา 62 ประกอบประมวลจริยธรรมข้าราชการตลาการ ข้อ3 เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง เห็นควรลงโทษภาคทัณฑ์ จำนวน 1 ราย
นอกจากนี้ ก.ต.ยังพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการ กรณีประพฤติตนไม่สุภาพเรียบร้อยในหน้าที่ราชการ ไม่รับฟังคำตักเตือนให้แก้ไขข้อบกพร่องในการตรวจร่างคำพิพากษาดูหมิ่นเหยียดหยาม ข่มขู่ผู้บังคับบัญชา ทำให้เสียเกียรติศักดิ์แห่งตำแหน่งหน้าที่ราชการ สร้างความแตกแยกสามัคคีในหมู่ข้าราชการ และเป็นการไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของทางราชการและจริยธรรมของข้าราชการตุลาการตามที่ ก.ต. กำหนด
ตาม พรบ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 61และมาตรา 62 ประกอบประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ข้อ 35 เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง เห็นสมควรลงโทษภาคทัณฑ์ จำนวน 1 ราย