รวบโจรผีพนัน อ้างติดหนี้นอกระบบไม่มีจ่าย ตระเวนถือบรรได ปืนบ้านลักทรัพย์หลังเดียว 4 ครั้ง
วันนี้( 8 ก.ค.) เมื่อเวลา 16.40 น.ที่สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี พ.ต.อ.สมชาย แจ้งธรรมมา ผกก.สภ.บางศรีเมือง พ.ต.ท.เศรษฐหาญ เศรษฐภากรณ์ รอง ผกก.สส.สภ.บางศรีเมือง พ.ต.ท.พงษ์นเรศ ศิริเสถียร สว.สส.สภ.บางศรีเมือง ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสิฎฐมัยกุล ธารีรัตน์ อายุ 30 ปี พร้อมของกลาง คือ 1.สร้อยคล้ายทองคำ น้ำหนักประมาณ 18.75 กรัม จำนวน 1 เส้น 2.พระสมเด็จวัดเขาตะเครา พิมพ์ปรกโพธิ์ จำนวน 2 องค์ 3.พระเครื่อง จำนวน 4 องค์ 4.เหรียญพระสุธรรมคณาจารย์ (หวงปู่เหรียญ) จำนวน 1 ชุด 5.ตัวสัญญาขายฝาก จำนวน 1 ใบ 6.ธนบัตรเงินสดประเทศมาเลเซีย จำนวน 1 ฉบับ 7.ธนบัตรเงินสดประเทศไทยฉบับละ 10 บาท จำนวน 5 ฉบับ 8.ธนบัตรเงินสดประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 1 ฉบับ 9.เหรียญท้าวเวสสุวรรณ จำนวน 2 เหรียญ 10.เหรียญสมเด็จพระนเรศศวรมหาราช จำนวน 1 เหรียญ 11.กรอบพระ จำนวน 1 กรอบ 12.เลนส์กล้อง ยี่ห้อซัมซุง จำนวน 1 เลนส์ 13.เสื้อผ้าที่ใช้ในวันก่อเหตุ 14.บันไดอลูมิเนียม จำนวน 1 อัน ตำรวจจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 153/12 ม.3 ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี
นายสิฎฐมัยกุล ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนได้ปืนหลังคาบ้านก่อเหตุลักทรัพย์ในหมู่บ้านดังกล่าวจำนวน 4 ครั้ง โดยได้ทรัพย์สินย์ไปครั้งแรกครั้งเดียว ส่วน 3 ครั้งหลัง เพียงแต่ปืนขึ้นบ้านแล้วไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไปเพราะบ้านล็อก โดยครั้งแรกตนได้พระเครื่องหลายรายการ สร้อยทอง และเงินสดจำนวน 3,000 บาท หลังจากได้ทรัพย์สินย์มา ได้นำสร้อยทองไปขาย แล้วนำเงินมาใช้จ่ายหมดแล้ว สาเหตุที่ตนต้องมาก่อเหตุ เพราะว่า ตนติดหนี้การพนัน ต้องไปหาเงินกู้นอกระบบมาใช้จ่าย โดยตนกู้มาหลายเจ้า จ่ายทบกันไป รวมถึงตกงานจากเคยเป็นพนักงานธนาคาร แล้วมาขับไรเดอร์ส่งอาหาร แต่ไม่พอใช้หนี้ เมื่อ 4 วันที่แล้ว ตนเพิ่งนำรถจยย.ไปจำนำได้เงินมาจำนวน 10,000 บาท ก็เอามาใช้หนี้นอกระบบหมด ส่วนการก่อเหตุ ตนจะเดินไปบริเวณหลังหมู่บ้านจะเป็นสวน แล้วหยิบบรรไดสแตนเลส ที่เตรียมมานำมาพาดกำแพงของหมู่บ้าน แล้วปืนขึ้นหลังคาก่อนจะเข้าหน้าต่างตามบ้าน ตนยอมรับว่าได้ปืนบ้านหลังนี้มาแล้ว 4 ครั้ง แต่ได้ทรัพย์สินไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ก.ค.67 เวลาประมาณ 01.00 น. นายสิฎฐมัยกุล ผู้ต้องหา ได้ก่อเหตุลักทรัพย์โดยการใช้ เก้าอี้ปีนบ้านพักผู้เสียหายในหมู่บ้านอนาบูกิ ธนาฮาบิแทต ราชพฤกษ์ โดยเดินมาจากสวนหลังหมู่บ้าน หลังจากนั้นได้ขโมยพระเครื่องและสร้อยทองหลายรายการภายในบ้าน แล้วหนีออกไป ต่อมาวันที่ 4 ส.ค.67 เวลา 13.40 น.ทางผู้เสียหายได้ทำการติดกล้องวงจรปิด สามารถบันทึกภาพผู้ต้องหาได้กลับมาอีกครั้งโดยใช้บรรไดสแตนเลสปีนบ้านแต่ไม่ได้ทรัพย์สินกลับออกไป และล่าสุดวันที่ 6 ส.ค.67 เวลา 03.00 น. และเวลา 11.21 น. ผู้ต้องหาได้แบกบรรไดสแตนเลสมาจากหลังสวน ได้มาบริเวณหมู่บ้านแล้วทำการปืนหลังคาบ้านแต่ก็ไม่ได้ทรัพย์สินไป ซึ่งทุกครั้งที่ผู้ต้องหาได้มาก่อเหตุ จะใช้การเดินทางระยะทางกว่า 3-4 กม. จากบ้านผู้ต้องหาถึงบ้านผู้เสียหายทุกครั้ง
ทางด้านนายสมบูรณ์ ธุวานนท์ อายุ 63 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า วันนี้ตนต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางศรีเมือง ที่สามารถจับผู้กุมผู้ต้องหาได้ ทางตนและหมู่บ้านต้องรู้สึกปลอดภัย และสบายใจมากขึ้น ถูกก่อเหตุขโมยพระเครื่อง และ สร้อยคอทองคำ ซึ่งตนคิดว่าตนจะไม่ได้ของคืนแล้ว และตนก็ได้ทำการบนกับเจ้าที่ว่าของที่โดนขโมยไปขอให้ตนได้คืน เป็นพระเครื่องเช่ามา 4 พันบาท และทองเลี่ยมไว้ราคาประมาณ 2 หมื่นบาท ตนได้ทำการสวดมนต์ทุกคืนขอให้ได้พระคืนทุกวัน เพราะหลวงพ่อองค์ที่ถูกขโมยไปตนแขวนอยู่เป็นประจำ และนับถือมาเป็นเวลานาน ซึ่งวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามพระคืนให้ตนรู้สึกขนลุกเพราะไม่น่าเชื่อว่าจะได้คืน ถึงทองไม่อยู่แล้วไม่เป็นไรแต่ได้พระคืนตนดีใจมาก ซึ่งปกติแล้วตนจะล็อคบ้านอย่างดี แต่วันที่โดนขโมย ห้องลูกชายลืมล็อคหน้าต่าง จึงโดนขึ้นบ้านโดยคนร้ายเขาเอาบรรไดมาปีน วันนี้ต้องขอขอบคุณผู้กำกับและรองสืบที่ตามจับตัวคนร้ายมาให้ตน และตนได้ของคืน และตนจะได้อยู่อย่างสงบสุขไม่หวาดระแวง และท้ายที่สุดก็อยากจะให้ทางหมู่บ้านติดกล้องวงจรปิดเพื่อป้องกันคนร้ายก่อเหตุลักษณะนี้อีกด้วย
ต่อมาทางด้านนายเอ (นามสมมุตติ) ซึ่งเป็นรปภ.หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านท่าน้ำบางศรีเมือง ได้เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเคยเจอตัวผู้ต้องหารายนี้ นำบรรไดจะเข้ามาปืนลักทรัพย์ในหมู่บ้าน แต่ผู้ต้องหาไหวตัวทันได้วิ่งหนีไปได้ก่อน เปิดเผยว่า ตนเป็นรปภ.ที่หมู่บ้าน มีวันนึงตนเห็นน้องเขาเดินมา จึงเดินออกไปดูแต่ตามไปไม่ทันเพราะไม่คุ้นหน้า แต่หลังจากนั้นผ่านไป น้องกลับมาใหม่และเอาบรรไดเหล็กมาด้วย ตนจึงรีบดูกล้องวงจรปิด จึงตามไปเจอตัว หลังจากที่เห็นตัวเขา เขานอนหมอบอยู่กับพื้นตนจึงคว้าแขนและรีบพาตัวเขาไปป้อมหน้าหมู่บ้าน และถามว่าบ้านน้องอยู่ไหน แต่เขาบอกว่าอยู่ซอย8 แต่ตนจำได้ว่าไม่เคยเห็นหน้าเด็กคนนี้มาก่อน เพราะบ้านตนก็อยู่ที่ซอย8 ตนจึงลากเขามาแต่ตนพลาดท่า นั่งคุยกันและเขาอ้างว่าเขาเมา มีแผลที่หัว ตนจึงชะล่าใจ จับแขนเขาด้วยมือเดียว และอีกมือนึงจับจักยานอยู่ทำให้เขาไหวตัวทันสะบัดแขนตนออกแล้ววิ่งหนี แต่ตนวิ่งตามไม่ทัน
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหกล่าวหา ลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นด้วยประการใดๆ