xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าของคลีนิกความงาม จับสาวใหญ่ขโมยรองเท้าลูกค้า อ้างตกงาน วอนเห็นใจไม่มีเงินซื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รวบสาวใหญ่ขโมยรองเท้าหน้าคลินิคเสริมความงาม เจ้าของคลีนิคตามจับตัวได้ เจ้าตัววอนเห็นใจไม่มีเงินซื้อรองเท้า ตกงาน ไม่มีวุฒิอาศัยนอนบ้านร้าง อาบน้ำปั้ม

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพวงจรปิดในกลุ่ม “ข่าวสาร-คนปากเกร็ด“ จับภาพผู้หญิงวัยกลางคน เดินเข้ามาหน้าร้านซึ่งเปิดเป็นคลีนิคเสริมความงาม แล้วถอดรองเท้าของตัวเองคู่สีดำ จากนั้นใส่รองเท้าอีกคู่หนึ่งที่อยู่บริเวณหน้าร้านแล้วเดินออกไป โดยระบุข้อความว่า “ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้แจ้ง ผู้หญิงในรูปนี้ทำกิริยานิสัยไม่ดี เดินมาเปลี่ยนรองเท้าของตัวเองที่ใกล้จะขาด แล้วมาเปลี่ยนใส่รองเท้าลูกค้าในร้านที่ถอดวางไว้หน้าร้าน เปลี่ยนเป็นของตัวเองเฉย ท่านใดพบเห็นหรือรู้จักผู้หญิงคนในรูปนี้ แจ้งให้เค้ามาเปลี่ยนเอารองเท้ามาคืนให้หน่อยนะคะ ทำนิสัยแบบนี้ไม่น่ารักเลย เรื่องอาจไม่ใหญ่โตอะไรมากแต่ทำแบบนี้ กล้องที่ร้านชัดกว่านี้อีกนะคะ ถ้าไม่เอามาคืนจะไปแจ้งความนะคะ“

วันนี้( 5 ก.ค.) ทีมข่าวลงพื้นบริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อเดินทางไปพูดคุยเรื่องนี้กับผู้โพสต์ ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกเสริมความงามดังกล่าว คือ น.ส.เพชรินทร์ โสภาพักตร์ บอกกับทีมข่าวว่าตอนนี้มีพลเมืองดีแจ้งเข้ามาว่า พบเจอหญิงสาวคนนี้แล้ว อยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านปากเกร็ด ทีมข่าวและผู้เสียหายจึงรีบเดินทางไปปรากฏว่าก็เจอผู้ก่อเหตุจริงๆ นั่งอยู่ในศูนย์อาหารของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด แต่ได้เปลี่ยนชุดจากเสื้อสีขาวเป็นชุดสีชมพู แต่รองเท้าตรงกับคู่ที่ขโมยมา ส่วนกระเป๋าตรงกับ ภาพในกล้องวงจรปิด ลักษณะและหน้าตาก็เหมือนกับในกล้องวงจรปิด จึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบ ไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ. ปากเกร็ด ก็เดินทางเข้ามาเชิญตัวหญิงสาวคนดังกล่าวไปพูดคุย ปรากฏว่าเธอก็ยอมรับว่าเธอ เป็นคนใส่รองเท้าจากหน้าร้านคลินิกความงามมาจริง และยอมรับว่า ตั้งใจเอารองเท้าของตัวเองไปเปลี่ยนแล้วใส่คู่นี้มา เพราะว่ารองเท้าของตัวเองที่ใส่อยู่นั้นมันขาด จึงเดินไปเลือกใส่มาเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวหญิงสาวคนดังกล่าวพร้อมผู้เสียหายไปที่สภ.ปากเกร็ด เพื่อตรวจสอบประวัติและลงบันทึกประจำวัน

ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยเปิดใจเรื่องนี้กับนางบัวคำ ธัญญะเจริญ อายุ 51 ปี ผู้ก่อเหตุ ก็ยอมรับกับทีมข่าวตรงๆว่า ตัวเองนั้นยากจนมาก ไม่มีงานทำ ทุกวันนี้ต้องมานั่งอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อรอว่าร้านไหนเขาจะขายของเสร็จแล้วให้เราช่วยยกของ เพื่อเป็นค่าจ้าง ตนได้รับอยู่วันละประมาณ 50 บาท แต่เหตุการณ์เมื่อเช้านี้ ตนไปรับจ้างล้างจาน ได้มีพ่อค้าแม่ค้าให้เงินตนมา 30 บาท ตนก็จะเอาไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่เพราะรองเท้าคู่เก่าคือคู่สีดำมีลายเพชรมันขาด

เมื่อเช้า ล้างจานทำงานได้เงินมา 30 บาท ก็ไปสอบถามแม่ค้าไว้แล้วว่าจะขอซื้อรองเท้าในราคา 50 บาทได้หรือไม่ เพราะตนมีเงินเพียง 30 บาทอีก 20 บาท เดี๋ยวจะเอามาคืน แต่แม่ค้าก็ไม่ให้ จังหวะที่เดินผ่านคลินิกก็เลยเข้าไปสลับรองเท้าคู่ใหม่ออกมาโดยเลือกคู่สีขาวเพราะรู้สึกว่ามันน่ารัก และดูนุ่มดี หลังจากที่ก่อเหตุเสร็จก็รู้สึกกังวล จนมาถูกที่ร้านเขาจับได้ อยากขอโทษเจ้าของคลินิกและขอโทษเจ้าของรองเท้าด้วย ตนไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แต่เพราะความยากจนและรองเท้าที่ใส่อยู่มันขาดเดินไม่สะดวกทำให้คิดสั้นตัดสินใจ ทำสิ่งไม่ดีไป

ตอนนี้ก็ยินดีคืนรองเท้าให้กับเจ้าของโดยทันที และขออย่าเอาเรื่องเอาความตนเลย เพราะไม่อยากติดคุก เพราะตอนนี้ตนอาศัยอยู่กับกระต่ายที่บ้าน อีก 5 ตัว ถ้าตนติดคุกก็จะไม่มีใครให้อาหารมัน และถ้าเป็นไปได้ขอวิงวอนผ่านสื่อเลยว่าตนอยากมีงานทำไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ เพราะไม่มีวุฒิการศึกษา ตอนนี้มีเงินติดตัวอยู่ 10 บาท จะเริ่มต้นตรงไหนก็ไม่สามารถเริ่มต้นได้เลย ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านร้างใกล้วัดบ่อ ไม่มีน้ำไฟ ต้องอาศัยออกมาอาบน้ำที่ปั๊ม แล้วมานั่งที่ห้างเพื่อหารับจ้างทั่วไป และยังบอกอีกว่า

ตนมีความสามารถพิเศษในเรื่องของการล้างจานเก่ง ทำความสะอาดบ้านเก่ง อยากให้ช่วยรับตนเข้าทำงานหน่อย ขอแค่มีงานทำ ได้รับเงินวันละ 100 บาทก็ยังดี พร้อมยกมือไหว้กราบขอโทษเจ้าของคลินิกบอกไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่มีเงิน จึงของานทำผ่านสื่อ

ด้านน.ส.เพชรินทร์ เจ้าของคลินิกความงาม กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณพลังโซเชียลเป็นอย่างมากที่แจ้งเบาะแส และทีมข่าวที่ไปช่วยตนตามคนก่อเหตุ จนทราบตัว และ ได้รองเท้าเพื่อนำไปคืนลูกค้าของร้าน จริงๆแล้วรองเท้าไม่ได้มีราคาแพง และลูกค้าของทางร้านไม่ติดใจเอาความเพราะเพียงได้รองเท้าคืนเท่านั้น แต่ที่ตนต้องมาตามรองเท้าคืนด้วยตัวเอง เพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง และอาจเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้าม จนมีการก่อเหตุแบบนี้อยู่เป็นประจำ

เพราะฉะนั้นไม่อยากปล่อยไปเฉยๆ อยากเตือนภัยสังคม และที่สำคัญตนทำงานบริการเป็นเจ้าของกิจการ ให้ความสำคัญในการบริการลูกค้าเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นของมีราคาหรือไม่มีราคา ก็ต้องหามาคืนลูกค้าให้ได้ สำหรับเหตุการณ์นี้อยากตักเตือนคุณป้า ไม่อยากให้ทำแบบนี้อีก ถ้าอยากได้ขอเอาดีกว่า เหมือนที่คุณป้าขออาหารกับพ่อค้าแม่ค้าเขาก็เห็นใจและให้ดีๆ ล่าสุดก็ได้นำรองเท้า ของคุณป้าที่นำไปสลับไว้ที่หน้าร้านมาคืนคุณป้า แล้วนำคู่ของลูกค้าสีขาวคืนให้ลูกค้าด้วย

ระหว่างที่มีการพูดคุยเจรจากันก็ได้มีพลเมืองดีถอดรองเท้าให้กับ ป้าบัวคำ เป็นรองเท้าที่มีลักษณะ คล้ายกับคู่ที่ป้าบัวคำอยากจะได้ แต่เป็นสีดำ โดยยอมถอดให้ป้าบัวคำทันทีเพราะรู้สึกเอ็นดู สงสารที่ป้าบัวคำ แล้วยังบอกป้าบัวคำอีกว่าเป็นไปได้อย่าไปขโมยของคนอื่นเขา บางคนขอเขาดีๆเขาก็ให้ ป้าบัวคำก็รับปากว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก และก็กราบขอบคุณพลเมืองดีที่ให้รองเท้าป้า










กำลังโหลดความคิดเห็น