ตำรวจสืบสวนนครบาลจับหนุ่มวัย 29 ปี ออกตระเวนในเวลากลางคืน ย่องเข้าไปงัดตู้แลกเงินตามร้านสะดวกซัก ในพื้นที่กรุงเทพฯ
วันนี้ (31 ก.ค.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อดุลย์ ดอกพวง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.รัฐนันท์ สมวงศ์ รอง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง รอง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.4 บก.สส.บช.น. ร่วมนักเรียนอบรมหลักสูตร TOPG ชุดปฏิบัติการที่ 4 ดำเนินการจับกุมตัว นายชัยอนันต์ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.500/2567 ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมอมหน้าหรือทำประการอื่นใดเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อพ้นการจับกุม”
โดยพฤติการณ์สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้มาพบพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน แจ้งความว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 03.54 น. ได้มีคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาทำการปรับทิศทางมุมกล้องวงจรปิดเพื่อลักทรัพย์เงินในตู้แลกเงิน (เครื่องแลกเหรียญ) ที่ร้านสะดวกซัก ซอยพัฒนาการ 38 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร และได้ทรัพย์ไปเป็นจำนวน 5,000 บาท และขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้สืบสวนจนทราบตัวผู้กระทำผิด คือ นายนายชัยอนันต์ และยังทราบว่า บุคคลดังกล่าวคือบุคคลเดียวกันกับคนร้ายซึ่งมีพฤติกรรมลักทรัพย์ตามร้านสะดวกซัก ในพื้นที่ ห้วยขวาง และพื้นที่รัชดา และ ประชาชาราษฎร์บำเพ็ญ ในช่วงระหว่างวันที่ 11-16 ก.ค.ที่ผ่านมา
จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้ประสานพนักงานสอบสวนขอออกหมายจับนายชัยอนันต์ และศาลอนุมัติหมายจับ กระทั่งเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก.สส.4 บก.สส.บช.น.ชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า นายชัยอนันต์ ผู้ก่อเหตุได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่ย่านซอยไผ่ห์สิงโต จึงได้เฝ้าจุดสังเกตการณ์ จนนายชัยอนันต์ได้ปรากฎตัวที่บริเวณลานจอดรถร้านสะดวกซื้อ ซอยไผ่ห์สิงโต แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร จึงได้ทำการเข้าจับกุมและนำส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า จากการที่ นายชัยอนันต์ ได้ตระเวนก่อเหตุลักเอาทรัพย์สินภายในร้านสะดวกซักในหลายท้องที่นั้น เป็นการสร้างความเดือดร้อนในกับสังคมโดยรวมอย่างมาก หากไม่รีบจับกุมตัวแต่โดยเร็วนั้นอาจเป็นภัยสังคมที่ส่งผลให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวในวงกว้างได้
