พ่อร้องขอความช่วยเหลือทีมงานเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกสาวอ้างเป็นโมเดลลิ่ง ชักชวนลูกสาว 2 คน มาถ่ายงานโฆษณา หรืองานในวงการบัยเทิงร่วมกับศิลปินดาราดัง ก่อนถูกหลอกโอนเงินสูญเกือบ 9 ล้านบาท
วันนี้ (30 ก.ค.) นายเอ (นามสมมุติ) พ่อ ของเด็กหญิง 2 คน อายุ 10 ปี และ 11 ปี ผู้เสียหาย เดินทางมาจาก จ.แพร่ เพื่อเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกนางสาวน้ำผึ้ง อ้างตัวเป็นโมเดลลิ่งเฟ้นหานักแสดงไปถ่ายโฆษณาหรืองานในวงการบันเทิงต่างๆ ร่วมกับศิลปินดาราชื่อดัง หลอกโอนเงินหลักล้านบาท
โดยพ่อผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ภรรยารู้จักกับนางสาวน้ำผึ้ง ผ่านทางเฟซบุ๊ก เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา อ้างว่าเป็นโมเดลลิ่งเฟ้นหานักแสดงไปถ่ายโฆษณาหรืองานในวงการบันเทิงต่างๆ จากนั้นนางสาวน้ำผึ้ง ได้ทักมาหาภรรยาชวนให้นำลูกสาว 2 คน ลงคอร์สเรียนการแสดง โดยต้องจ่ายค่าเรียนการแสดงเป็นเงิน 17,000 บาท และให้สัญญาว่าจะมีงานถ่ายโฆษณาเข้ามาอย่างแน่นอน หลังจากโอนเงินไป ยังไม่ทันที่ลูกสาวจะได้ไปเรียนการแสดง นางสาวน้ำผึ้ง ก็ติดต่อกลับมาว่า ให้ลูกสาวไปถ่ายโฆษณานมเปรี้ยวยี่ห้อดัง ได้ค่าจ้าง 19,000 บาท และก็ได้ไปถ่ายจริงๆ ได้เงินจริงๆ ทำให้ครอบครัวมั่นใจ
ต่อมานางสาวน้ำผึ้ง ชักชวนให้ลูกสาวไปถ่ายโฆษณาร่วมกับ นางสาวลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า ศิลปิลชื่อดัง อ้างว่าสนิทสนมกับลิซ่า สามารถพาไปถ่ายงานร่วมกันได้ทั้งครอบครัว ได้ค่าจ้างหลัก 2-3 แสนบาทต่องานต่อคน แต่มีเงื่อนไขว่าต้องวางเงินประกันก่อนทุกงานประมาณร้อยละ 50 ของค่าจ้างแต่ละงาน โดยอ้างว่า ป้องกันนัดคิวแล้วไม่มาถ่ายจะทำให้บริษัทเสียหาย ซึ่งมีงานที่มาดีลไว้ทั้งหมดประมาณ 30 งาน รวมโอนเงินมัดจำไป 42 ครั้ง ครั้งละหลักพันไปจนถึงหลักแสน รวมเป็นเงิน 8 ล้าน 7 แสนบาท เป็นเงินเก็บของเขา 5 ล้านบาท และหยิบยืมญาติมาอีกกว่า 3 ล้านบาท เพราะหวังอยากให้ลูกสาวได้เข้าวงการบันเทิง ได้ถ่ายโฆษณากับศิลปินที่ชื่นชอบ ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจลูกสาว
นอกจากนี้ครอบครัวยังต้องเดินทางมาจากจังหวัดแพร่ มาเปิดโรงแรมนอนพักที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามวันนัดถ่ายงาน แต่นางสาวน้ำผึ้ง ก็เลื่อนมาตลอด อ้างว่า ลิซ่าคิวไม่ว่าง แต่พอถามว่าจะได้คิวเมื่อไหร่ ก็บอกว่าเป็นความลับของศิลปิน บอกไม่ได้ ให้รออย่างเดียว จนทำให้ผู้เสียหายเอะใจ และรู้ตัวว่าถูกหลอกหลังจากรู้ว่าโดนหลอกก็แจ้งความให้ตำรวจช่วยตามเรื่องให้ นางสาวน้ำผึ้ง ก็อ้างว่า จะคืนเงินทั้งหมดให้ตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังบ่ายเบี่ยงอยู่
จากนั้นผู้เสียหายพยายามติดต่อไปยังนางสาวน้ำผึ้ง แต่โทรศัพท์เหมือนปิดเครื่อง สักพักนางสาวน้ำผึ้ง โทรกลับมา ผู้เสียหาย จึงสอบถามว่าเรื่องเงินเกือบ 9 ล้านบาท จะได้คืนเมื่อไหร่ ทางนางสาวน้ำผึ้ง ตอบกลับมาว่า จะพยายามหาให้ ซึ่งจะได้ข้อสรุปช่วงบ่ายวันนี้ เราจะสามารถคืนเงินบางส่วนให้ในวันพฤหัสบดีที่ 1 ส.ค.นี้ เมื่อผู้เสียหายถามต่อว่า คิวของลิซ่าที่จะให้บินไปถ่ายที่เกาหลีร่วมในฉากด้วย คอนเฟิร์มหรือยัง นางสาว น้ำผึ้ง ก็ตอบแบบอึกอักว่า ขอประสานไปทางลิซ่า และจะขอแจ้งรายละเอียดกลับมาที่ผู้เสียหายอีกครั้ง
เมื่อตรวจสอบเฟซบุ๊กของนางสาวน้ำผึ้ง ก็ยังมีการโพสต์หานักแสดงไปถ่ายโฆษณาอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดคือเมื่อวันศุกร์ที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมานายเอกภพ พาผู้เสียหายไปแจ้งความกับ พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พร้อมบอกว่า ผู้ก่อเหตุได้ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ โดยใช้ชื่อของลิซ่า ซึ่งเป็นศิลปินชื่อดังที่เด็กหลายคนชื่นชอบ มาเป็นจุดขายซึ่งสิ่งที่พ่อแม่เสียใจมากกว่าการเสียเงิน คือความรู้สึกของลูก เพราะลูกก็มีความหวังว่าจะได้ถ่ายงานกับลิซ่า และเฝ้าถามอยู่ทุกวัน จึงเป็นเรื่องที่สะเทือนใจพ่อแม่ ดังนั้นจึงฝากเตือนประชาชน หากถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกันก็ขอให้มาแจ้งความ ซึ่งตำรวจรับปากจะรีบสืบสวนดำเนินคดีให้เร็วๆ ที่สุด เพราะอาจจะมีผู้เสียหายโดนหลอกเพิ่มขึ้น