ตำรวจสืบสวนนครบาลจับกุม “ชิต ท่าศาลา” ผู้ต้องหาแก๊งทวงหนี้ รุมทำร้ายยายวัย 73 ปี เหตุเกิดท้องที่ สน.โชคชัย
วันนี้ (30 ก.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมด้วยนักสืบ TOP G ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุม นายครรชิต อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีบุรี ที่ จ 1016/2567 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินอันมีลักษณะเป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอันตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ร่วมกันกระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่ ขู่เข็ญ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณ ภายในโรงแรม แห่งหนึ่ง ถ.เคหะร่มเกล้า แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดย ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกับนักสืบ TOP G ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์จนทราบว่า มีคนร้ายชื่อ นายครรชิต หรือชิต ท่าศาลา หนึ่งในแก๊งทวงหนี้โหด ที่ร่วมกับพวกอีก 2 คน ก่อเหตุทวงหนี้โหด ทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ เตะประตูบ้าน ปิดสวิทช์ไฟฟ้าบ้านลูกหนี้ อีกทั้งยังล็อกประตูขังลูกหนี้ไม่ให้ออกจากบ้าน โดยศาลอาญามีนบุรี ได้อนุมติหมายจับแล้ว ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า นายครรชิต เป็นแก๊งทวงหนี้โหดแก๊งเดียวกับแก๊งทวงหนี้ที่รุมทำร้ายยาย อายุ 73 ท้องที่ สน.โชคชัย
ในชั้นจับกุม นายครรชิต ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เดิมทีประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ในพื้นที่อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ต่อมาช่วงปี 2565 ตนขายที่ที่ตนทำสวนผลไม้ได้เงินมาก้อนนึง จึงมาปล่อยเงินกู้ โดยมีนายต้า และนายเขต ผู้ต้องหาซึ่งยังหลบหนีที่ร่วมก่อเหตุด้วยกันเป็นทีมงาน ตระเวนปล่อยเงินกู้ย่านมีนบุรี รามอินทรา ร่มเกล้า อ่อนนุช โดยเรียกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อวัน กับผู้ที่มาขอกู้ยืมเงิน โดยทั่วไปจะมีผู้มาขอยืมกู้ยืมเงินครั้งละประมาณรายละ 5,000-6,000 บาท ซึ่งตน นายต้า นายเขต จะเป็นคนไปตามทวงเงินกับผู้กู้ยืม ในวันเกิดเหตุอ้างว่า นายต้า และนายเขต เป็นคนใช้ความรุนแรงกับลูกหนี้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อในคำให้การ ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่า นายครรชิต เป็นแฟนของน้องสาว ของนายเคนวิทย์ หรือเคน หนึ่งในแก๊งทวงหนี้ที่รุมทำร้ายยาย อายุ 73 ท้องที่ สน.โชคชัย ที่ถูกจับกุมก่อนหน้า ประกอบกับในทางการสืบสวนทราบว่าหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ด้วยกันก่อนไหวตัวหนีมาหลบพักในโรงแรมที่ถูกจับกุม เนื่องจากมีคนส่งข่าวให้หลบหนี แต่ก็มาจนมุมชุดสืบสวนขณะกำลังหลบหนีออกจากโรงแรมที่หลบพักในที่สุด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว นายครรชิต นำส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวเตือนให้ระวัง อย่าตกหลุมพรางเงินกู้นอกระบบ ปัญหาส่วนใหญ่ของเงินกู้นอกระบบ มักเกิดขึ้นจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่ตรวจสอบเงื่อนไขในการกู้เงินให้ดี เนื่องจากในตอนที่จะขอกู้ เจ้าหนี้หรือผู้ให้กู้มักพูดจาหว่านล้อมและบอกถึงข้อดีของการให้กู้ ที่นอกจากจะได้เงินไวแล้วยังไม่ต้องใช้หลักฐานใดๆ แต่สิ่งที่ผู้ให้กู้ไม่ได้บอกอย่างชัดเจนมักเป็นเรื่องของเงื่อนไขสัญญา หรืออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่กฎหมายกำหนด จนอาจสร้างปัญหาในอนาคตได้ รวมถึงยังอาจมีการคิดดอกลอยที่ดอกเบี้ยจะถูกทบขึ้นไปเรื่อยๆ เนื่องจากการกู้เงินนอกระบบเป็นปัญหาสังคมที่สร้างผลกระทบในวงกว้าง จึงได้มีหลายหน่วยงานที่ให้การดูแลและช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ ทั้งการให้คำแนะนำ รวมทั้งช่วยไกล่เกลี่ยหนี้ให้เกิดความเป็นธรรม โดยสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์อำนวยการปฏิบัติการแก้ไขหนี้สินภาคประชาชน โทร. 1359 ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม โทร. 02-575-3344 ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย โทร. 1567 หรือถ้าบางรายอาจพบการทวงหนี้โดยใช้ความรุนแรง ขอให้ท่านรีบโทรแจ้ง 191 สายตรวจในท้องที่จะรีบไปทันที
