“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม 2567 ตอน เส้นทาง 'เนวิน ชิดชอบ' เขยิบเทียบชั้น 'ทักษิณ'
ถ้า 'ทักษิณ ชินวัตร' คือ ผู้มีบารมีนอกพรรคการเมืองที่ทรงอิทธิพลหมายเลขหนึ่ง 'เนวิน ชิดชอบ' ครูใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย ก็คงตามมาเป็นที่สองชนิดที่เรียกว่าหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว
'ทักษิณ-เนวิน' ต่างเคยเป็นผู้บังคับบัญชา และ ผู้ใต้บังคับบัญชากันมาก่อนสมัยเมื่อครั้งพรรคไทยรักไทยครองเมือง 'เนวิน' ถูกดูดมาจากพรรคชาติไทยของมังกรการเมือง 'บรรหาร ศิลปอาชา'
ในยุทธจักรการเมืองเมื่อกว่า 20 -30 ปีที่แล้วจะมีนักการเมืองสักกี่คนที่สามารถอภิปรายและล้มรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้ แต่ 'เนวิน' สามารถทำได้ด้วยเขี้ยวเล็บที่มีอยู่เต็มตัว ดังนั้น เมื่อทักษิณมี 'เนวิน' เป็นขุนศึก จึงทำให้พรรคไทยรักไทยอยู่รอดมาจนครบ 4 ปีและชนะเลือกตั้งถึงสองครั้ง ก่อนจะถูกล้มด้วยการรัฐประหาร
การรัฐประหาร 2549 การยุบพรรคไทยรักไทย และการถูกกดดันจากทหารอย่างหนักไม่ได้ทำให้เนวินออกห่างจากทักษิณ โดยเมื่อครั้งพรรคพลังประชาชนขึ้นมาเป็นรัฐบาลภายใต้การคุมอำนาจสูงสุดของแกนนำ 4 ฝ่าย ที่เรียกว่า 'แก๊งออฟโฟร์'
ไม่เพียงเท่านี้ ในโครงสร้างของพรรคพลังประชาชน ณ ขณะนั้น 'กลุ่มเพื่อนเนวิน' เป็นกลุ่มส.ส.ที่มีความเป็นเอกเทศและมีจำนวนน้อย แต่ส.ส.ภายใต้ร่มเงาล้วนแต่พวกถึงไหนถึงกันทุก 'เนวินไปไหนก็พร้อมจะไปด้วย' จึงไม่แปลกที่เมื่อพรรคพลังประชาชนถูกยุบและเลือกจะไปอยู่ร่วมกับศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่าง 'สุเทพ เทือกสุบรรณ' เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลและร่วมกัน
สนับสนุนให้ 'อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ' เป็นนายกรัฐมนตรี บรรดาขุมกำลังส.ส.ของเนวินกว่า 30 ชีวิตต่างพร้อมใจมาทำงานร่วมกันทันที โดยไม่แคร์นายใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศ
การตัดสินใจออกมาทำการเมืองเองในนามพรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงแนวคิดในการทำงานการเมืองของ 'เนวิน ชิดชอบ' ได้เป็นอย่างดี
'เนวิน' เป็นคนหนึ่งที่ผ่านโลกและมองเห็นสัจธรรมทางการเมืองผ่านนายกรัฐมนตรีที่เขาทำงานด้วยมาแล้วถึงสองคน ได้แก่ 'บรรหาร ศิลปอาชา' หัวหน้าพรรคชาติไทย และ 'ทักษิณ ชินวัตร' หัวหน้าพรรคไทยรักไทย
การขึ้นมาเป็นนายกฯ 'บรรหาร' ถึงจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมังกรการเมืองก็จริง แต่ถ้ามองลึกลงไปถึงอำนาจจัดการภายในพรรคแล้ว ต้องบอกว่าไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ เพราะในพื้นที่ทางการเมืองอื่นๆนอกจากสุพรรณบุรีและจังหวัดรอบข้างอีกเล็กน้อยแล้ว 'บรรหาร' แทบเอื้อมมือเข้าไปไม่ถึง ทำให้เกิดสภาพของต่อรองแก่งแย่งอำนาจกันภายในพรรค จนต้องประกาศยุบสภาในที่สุด และนับจากนั้นพรรคชาติไทยก็ไม่เคยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกเลย
ขณะที่ การทำงานของ 'ทักษิณ' นั้น 'เนวิน' ก็ได้มีโอกาสเห็นตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนจุดจบ และได้ข้อสรุปว่าการมีอำนาจเบ็ดเสร็จเกินไป ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นใหญ่ได้ตลอดไป
ดังนั้น พรรคภูมิใจไทย จึงเปรียบเหมือนส่วนผสมระหว่าง 'ทักษิณ-บรรหาร' เข้าไว้ด้วยกัน กล่าวคือ มีการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จแบบทักษิณ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการภายในพรรค และมีความผ่อนสั้นผ่อนยาวคล้ายกับบรรหาร เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกผลักไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่งจนเกินไป
อีกทั้งยังคงให้ความสำคัญกับจุดแข็งของตัวเองอย่างการสร้างอาณาจักรบ้านใหญ่ในแต่ละพื้นที่เป็นสำคัญ เพียงแต่ว่า 'เนวิน' ไม่ได้มองเฉพาะบุรีรัมย์เป็นบ้านใหญ่เท่านั้น แต่มองพื้นที่อีสานใต้และภาคใต้ตอนล่างเป็นบ้านใหญ่ต่างหาก
การเป็นรัฐบาลในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องมาจากพรรคการเมืองทีมีเสียงอันดับหนึ่งเหมือนในอดีต แต่ขึ้นอยู่กับการรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
บางทีเดือนสิงหาคมนี้ที่การเมืองกำลังจะมีจุดเปลี่ยนหลายเรื่องอาจได้เห็นเกมชิงไหวชิงพริบเพื่อปั้นให้ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ เป็นนายกรัฐมนนตรีคนที่ 31 ก็เป็นได้ ซึ่งถ้าไปถึงจุดนั้นได้เท่ากับ 'เนวิน' ได้เทียบชั้นเท่ากับ 'ทักษิณ' แล้ว
จากนี้ไปต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของ 'ฅนบุรีรัมย์' รายนี้ไว้ให้ดีๆ
------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android