xs
xsm
sm
md
lg

รวบ “ดาว บางแค” แก๊งตระเวนลัก จยย.ตอกเลขตัวถังใหม่-สวมทะเบียน ส่งขายในและนอกประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจสืบสวนนครบาลจับ “ดาว บางแค” แก๊งตระเวนโจรกรรมรถ จยย.ทั่วเมืองกรุง นำมาตอกเลขตัวถังใหม่-สวมทะเบียน ส่งขายในและนอกประเทศ

วันนี้ (26 ก.ค.) พล.ต.ท.ธิติแสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.บช.น. นายสุรพงษ์ อายุ 33 ในข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์)โดยฝ่าฝืนกฎหมาย และนายนายบุญคงคา อายุ 43 ปี ในข้อหา มียาเสพติดให้โทษ (ยาบ้าและไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและไอซ์)โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

พร้อมของกลาง 1.รถจักรยานยนต์ จำนวน 6 คัน 2.โครงรถจักรยานยนต์ จำนวน 6 คัน 3.แทงค์เครื่องรถจักรยานยนต์จำนวน 1 เครื่อง 4.เครื่องรถจักรยานยนต์จำนวน 1 เครื่อง 5.ซากเครื่องยนต์ จำนวน 2 เครื่อง 6.ป้ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 7 แผ่น 7.ใบคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ จำนวน 12 เล่ม 8.สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำนวน 3 เล่ม 9.โทรศัพท์ Apple iphone 12 pro max จำนวน 1 เครื่อง 10.หมวกนิรภัยจำนวน 3 ใบ 11.กล้องวงจรปิด จำนวน 2ตัว 12.รองเท้า จำนวน 3 คู่ 13.เสื้อคลุมและเสื้อยืดจำนวน 3 ตัว 14.อุปกรณ์ช่าง จำนวน 8ชิ้น และ 15.ชุดตอกเลข จำนวน 22 ชิ้น สามารถจับกุม ได้ภายในบ้าน ม.5 ถ.กำนันแม้น แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนหาข่าว กรณีกลุ่มคนร้ายตระเวนลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร และนำรถที่โจรกรรมมาทำการส่งขายและบางคันนำมาตอกเลขตัวถังใหม่เพื่อสวมทะเบียนรถคันอื่นส่งขายภายในประเทศตลอดจนส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี จนสืบทราบว่าบ้าน หมู่ 5 ถนนกำนันแม้น แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร เป็นแหล่งพักพิงชำแหละรถและเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดในชุมชนย่านบางแค โดยในแต่ละวันจะมีนายบุญคงคา ซึ่งเป็นหัวหน้าระดับสั่งการให้สมาชิกในแก๊งออกตระเวน ทำการลักขโมยรถจักรยานยนต์ในหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ อาทิ ย่าน รามคำแหง บางเขน ทุ่งสองห้อง มักกะสัน คลองตัน พระโขนง และอีกหลายพื้นที่ย่านฝั่งธนบุรี

ซี่งจากการสืบสวนพบว่า ในบางคืนมีการตระเวนลักรถและนำมาสวมทะเบียนมากถึง 4 คัน ต่อหนึ่งคืน และพบพฤติกรรมโดยจะมีลักษณะการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนเป็นทอดๆ เพื่อหลบเลี่ยงและยากต่อการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ โดยจะนำรถจักรยานยนต์มาทำการรื้อชำแหละรถและตอกเลขตัวถังใหม่ โดยใช้ทะเบียนรถที่ประมูล, รับซื้อหรือรับจำนำมาได้แล้วทำการสวมทะเบียนกับรถคันที่ถูกโจรกรรมมา โดยสมุนที่ทำหน้าที่รับรถตามที่สั่งการจะได้ค่าจ้าง ครั้งละประมาณ 1,500-2,000 บาท

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจขุดจับกุมจึงได้พยานหลักฐานและจัดทำรายงานการสืบสวนเพื่อขออนุมัติขอออกหมายค้นต่อศาลอาญาธนบุรี เพื่อทำการตรวจค้น พบ และยึดสิ่งของซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือได้ใช้ หรือตั้งใจจะใช้ในการกระทำความผิด อันเกี่ยวข้องกับการโจรกรรมรถและความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเพื่อดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาลพร้อมกำลังกว่า 40 นาย ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ทั้งทางบกและทางน้ำและร่วมบูรณาการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการดำน้ำค้นหาหลักฐานบริเวรหลังบ้านของเป้าหมายซึ่งอยู่ติดกับคลองเพื่อพิสูจน์ความผิดและความเชื่อมโยงในการกระทำดังกล่าว จนสามารถตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบได้จำนวนหลายรายการข้างต้น อีกทั้งยังสามารถตรวจค้นพบยาเสพติดของกลางจำนวนมากพร้อมอุปกณณ์การเสพอีกหลายรายการ

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริง แต่ในส่วนพฤติกรรมการโจรกรรมรถผู้ถูกจับให้การภาคเสธว่าเคยทำมาก่อนแต่ได้เลิกทำแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อจึงได้ตรวจยึดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบ ทั้งนี้จากการสืบสวนขยายผลและตรวจสอบข้อมูลรวมถึงเส้นทางการเงินของนายบุญคงคา เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า ยังมีหลักฐานอันมีพฤติการณ์และข้อบ่งชี้ว่ายังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจรกรรมรถ อีกทั้งยังพบข้อมูลการติดต่อพูดคุยกับผู้ร่วมขบวนการการโจรกรรมรถจักรยานยนต์นี้อีกจำนวนมาก ซึ่งพบความเชื่อมโยงไปถึงร้านซ่อมรถจักรยานยนต์และบริษัทขนส่งรถจักรยานยนต์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการขยายผลและดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก็งโจรกรรมรถจักรยานยนต์รายนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับทั้งสองพร้อมของกลาง นำส่ง พงส.สน.บผางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากนี้ยังพบประวัติบุคคลต้องโทษ โดยนายบุญคงคา เคยต้องโทษในความผิดเกี่ยวกับ คดีลักทรัพย์ เมื่อปี พ.ศ.2551 ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ คดีความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน เมื่อปี พ.ศ.2561 ในพื้นที่ สน.บางขุนเทียน คดีร่วมกันลักทรัพย์ จยย. เมื่อปี พ.ศ.2562 ในพื้นที่ สภ.ชัยพฤกษ์ ส่วนนายสุรพงษ์ เคยต้องโทษในความผิดเกี่ยวกับคดีลักทรัพย์ เมื่อปี พ.ศ.2557 ในพื้นที่ สน.บางขุนเทียน

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวไว้ว่าการปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมรายสำคัญในพื้นที่ให้หมดไปอย่างจริงจัง โดยใช้มาตรการการปราบปรามอาชญากรรมองค์กรอย่างเข้มงวดเชิงรุกทุกรูปแบบ ซึ่งนับว่าเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมอื่นๆที่จะตามมา อันสร้างความเดือนดร้อนและสร้างความเสียหายต่อสังคมในรูปแบบต่างๆ เป็นวงกว้าง สอดคล้องตามนโยบายสำคัญของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ ผบช.น.






กำลังโหลดความคิดเห็น