xs
xsm
sm
md
lg

ก.อ.แต่งตั้งอัยการ 787 ตำเเหน่ง ‘เยาวลักษณ์’นั่งอธ.อัยการคดีพิเศษหญิงคนเเรก ‘ประยุทธ’ขึ้นอธ.อัยการศาลสูงภาค 4 ‘โกวิท’นั่งอธ.ปราบทุจริต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นางเยาวลักษณ์ นนทแก้ว อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 นั่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ
ก.อ.แต่งตั้งอัยการบิ๊กลอต 787 ตำเเหน่ง ‘เยาวลักษณ์’นั่งอธิบดีอัยการคดีพิเศษหญิงคนเเรก ‘ประยุทธ’ขึ้นอธิบดีอัยการศาลสูง ภาค 4 ‘โกวิท’นั่งอธิบดีอัยการปราบทุจริต 'วิรุฬห์’ไม่เป็นอัยการอาวุโส

เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา นายเรวัตร จันทร์ประเสริฐ ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เป็นประธานการประชุม ก.อ. ครั้งที่ 10/2567 โดยมีวาระสำคัญเรื่องการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งและแต่งตั้งโยกย้ายสับเปลี่ยนข้าราชการอัยการ ระดับรองอัยการสูงสุด 4 ราย ระดับผู้ตรวจการอัยการ 6 ราย ระดับอธิบดีอัยการ 65 ราย ระดับรองอธิบดีอัยการ 88ราย ระดับอัยการพิเศษฝ่าย 130 ราย ระดับอัยการชั้น 6 (ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ) 82 ราย ระดับอัยการชั้น 5 (อัยการจังหวัด-อัยการผู้เชี่ยวชาญ) 95 ราย ระดับอัยการชั้น 4 (อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด) 102 ราย ระดับอัยการชั้น 3 จำนวน 102 ราย อัยการอาวุโสจำนวน 21 ราย เเละอัยการอาวุโสตั้งใหม่ 92 รายรวมทั้งสิน 787 ตำเเหน่ง มีผลตั้งเเต่วันที่ 1 ต.ค. 2567 เป็นต้นไป มีรายชื่ออัยการชื่อดังที่น่าสนใจดังนี้

นายโกวิท ศรีไพโรจน์ อธิบดีอัยการ สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ (สพอ.)นั่งอธิบดีอัยการสำนักงานปราบปราบการทุจริต
โยกย้ายนายโกวิท ศรีไพโรจน์ อธิบดีอัยการ สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ (สพอ.)ไปเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานปราบปราบการทุจริต ซึ่งเป็นสำนักงานที่มีความสำคัญดำเนินคดีกับข้าราชการระดับสูงเกี่ยวกับคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ นายโกวิท เป็นอัยการสายบู๊ สายทำคดีลูกหม้อสำนักงานคดีพิเศษเก่า เคยรับผิดชอบคดีม็อบการเมืองและคดีผู้มีอิทธิพลสำคัญก่อนย้ายกลับไปภาคใต้ มีบทบาทในเรื่องคดีเกี่ยวกับปฏิบัติหน้าที่มิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐที่สมัยเป็นอธิบดีอัยการปราบปรามทุจริตญภาค 8 ที่สำคัญ เป็นคิวที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดในอนาคตซึ่งที่ผ่านมาตอนเป็นอธิบดีอัยการ สพอ.มีบทบาทในการจัดอบรมบรรยายปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรบทบาทหน้าที่ของอัยการผู้ช่วยที่สอบได้รวมถึงพัฒนาเพิ่มพูลทักษะของข้าราชการอัยการทั้งหมด รวมถึงหลักสูตรใหญ่ๆของอัยการทั้งหมดล่าสุดลองชิมลางสมัครกรรมการเนติบัณฑิตยสภาคาดว่าจะมีเสียงสนับสนุนจากอัยการสายภาคใต้ เเละผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรในอัยการ

นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ นั่งอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 4
โยกย้ายนายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง อธิบดีสำนักงานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)ซึ่งเป็นสำนักงานสำคัญ มีบทบาทดูแลจัดทำบัญชีเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการทั่วประเทศไปเป็นอธิบดีอัยการภาค 2 คุมพื้นที่ภาคตะวันออกซึ่งเป็นภาคที่มีความสำคัญกลุ่มจังหวัดเศรษฐกิจเเละการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีคดีสำคัญจำนวนมาก โดยนายเพียรศักดิ์ก่อนหน้านี้เคยเป็นรองอธิบดีอัยการภาค 2 มาก่อน

นายวัชระ อินทุสุต อธิบดีอัยการสำนักงานวิชาการ เป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ
โยกย้ายนางเยาวลักษณ์ นนทแก้ว อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 ไปนั่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ถือเป็นที่ฮือฮากันมาก เนื่องจากจะมาดำรงตำเเหน่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษหญิงคนเเรก ซึ่งคดีพิเศษถือเป็นสำนักงานสำคัญเรียกกันว่าเป็นเก้าอี้เบอร์ 1 ของระดับอธิบดีอัยการเนื่องจากเป็นสำนักงานที่รับพิจารณาสำนวนคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ และคดีป้องกันและปราบ ปรามการฟอกเงิน หรือปปง.ซึ่งจะต้องเป็นคดีที่มีมูลค่าทรัพย์ความเสียหายจำนวนมากมีอิทธิพลเข้ามาในคดีรวมถึงคดีการเมืองเเละการชุมนุมของม็อบการเมืองต่างๆ ปกติอธิบดีอัยการที่มานั่งสำนักงานนร้จะต้องได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารของอัยการเเละเชื่อมือ การมาดำรงตำเเหน่งครั้งนี้ถือเป็นบทพิสูจน์ฝีมือเนื่องจากมีคดีใหญ่สำคัญเตรียมจ่อเข้าอีกจำนวนมาก โยกย้าย ร.ต.อ.โชคชัย สิทธิผลกุล อธิบดีอัยการ สำนักงานการบังคับคดีไปดำรงตำเเหน่งอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ซึ่งปัจจุบันมีบทบาทสำคัญมากภายหลังจากมี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทำร้ายและการกระทำที่ทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ ‘พ.ร.บ.อุ้มหาย’ที่จะมีศูนย์ตรวจสอบการจับกุมคุมขังว่าเป็นไปตามกฎหมายใหม่หรือไม่ เรียกว่าเป็นการขยายอำนาจสอบสวนของอัยการ เเละยังมีการพิจารส่งอัยการไปร่วมสอบสวนคดีสำคัญต่างๆ

 โยกย้ายนายวัชระ อินทุสุต อธิบดีอัยการสำนักงานวิชาการ ไปเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการเป็นสำนักงานสำคัญ มีบทบาทดูแลจัดทำบัญชีเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการทั่วประเทศ ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญ การโยกย้ายขึ้นมานั่งตำแหน่งนี้ต้องได้รับความไว้วางใจเเละการผลักดันจากผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อมาทำหน้าที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำบัญชีเเต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการหรือการผลักดันเเก้ไขกฎหมาย

ร.ต.อ.โชคชัย สิทธิผลกุล อธิบดีอัยการสำนักงานการบังคับคดี นั่งอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน
โยกย้ายนายสัญชัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาพระโขนง ไปเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เป็นสำนักงานที่รับคดีอาญาอุกฉกรรจ์และมีความสำคัญจาก สน.ต่างๆ ในพื้นที่หลักมาพิจารณาเเละสั่งสำนวนคดี รวมถึงรับคดีจากกองปราบปรามที่มีอำนาจการดำเนินคดีอาญาทั่วประเทศ แบ่งเป็น 12 กองงานมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลอาญาซึ่งเป็นศาลหลักของประเทศรวมทั้งยังเป็นสำนักงานที่มีหน้าที่แก้ต่างคดีอาญาให้กับข้าราชการทั่วประเทศที่ถูกฟ้องเพราะปฏิบัติราชการตามหน้าที่

โยกย้ายนายกรุณา พันธุ์เพ็ชร อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแรงงานภาค 6 ข้ามห้วยมาเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานเศรษฐกิจเเละทรัพยากร ซึ่งเป็นสำนักงานสำคัญที่ตัวอธิบดีอัยการจะต้องเข้ามาคุมคดีเศรษฐกิจที่มีความซับซ้อนเเละมีผลกระทบเป็นวงกว้างกับประชาชนเเละสถาบันการเงิน 

เลื่อนนายวีรยุทธ เนติวุฒิพงศ์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ขึ้นเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานบังคับคดี

นายกรุณา พันธุ์เพ็ชร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีแรงงานภาค 6 เป็นอธิบดีอัยการสำนักงานเศรษฐกิจเเละทรัพยากร
เลื่อนนายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ไปนั่งอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 4 โดยนายประยุทธเป็นโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รับหน้าที่เเถลงคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนเเละคดีใหญ่สะเทือนขวัญ สำคัญหลายคดี ให้กับสื่อมวลชนเเละประชาชนเข้าใจชัดเเจ้ง รวมถึงมีบทบาทการสร้างภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือขององค์กร ฉายานักรบภูธร การโยกย้ายในครั้งนี้ถือว่าเป็นการวางมือจากงานโฆษกฯได้กลับไปบ้านเกิดภูมิลำเนา ถือเป็นอัยการมหาชนที่ได้รับความนิยมชมชอบจากพี่น้องอัยการ เนื่องจากมีฝีมือทั้งบุ๋นบู๋เป็นทั้งสายคดีบวกงานวิชาการ กับนิสัยเป็นคนง่ายสบายๆไม่ถือตัว จึงเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป ดูได้จากการเลือกตั้งคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.)ไม่ว่าจะเลือกตั้งซ่อมหรือเลือกตั้งจริงที่ผ่านมาที่ได้คะเเนนลำดับที่ 1 ด้วยคะเเนนท่วมท้น โดยการขึ้นดำรงตำเเหน่งระดับอธิบดีอัยการครั้งเเรก ในตำเเหน่งอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 4 ถือว่าเป็นตำเเหน่งสำคัญมีหน้าที่พิจารณาการอุทธรณ์ฎีกาในเขตพื้นที่ 12 จังหวัดที่อยู่ในภาคอีสานตอนบน เรียกว่าบทบาทไม่เเพ้ตำเเหน่งอธิบดีอัยการภาค 4 เลย ล่าสุดนายประยุทธลงสมัครชิงตำเเหน่งกรรมการเนติบัณฑิตยสภาถือเป็นเต็ง1 ในสายอัยการ

นอกจากนี้คำสั่งเดียวกันมีเพื่อนร่วมรุ่น ทั้งวปอ.และอธิบดีอัยการรุ่นที่14 ขยับขึ้นอธิบดี เช่น นายธีระวัฒน์ พุฒิบูรณวัฒน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเเรงงานภาค 2 (วปอ.รุ่น 59 ) ซึ่งเป็นคีย์เเมนในการประสานงานหลายเรื่องของสำนักงานอัยการสูงสุดเลื่อนขึ้นนั่งอธิบอัการสำนักงานคดีเเรงงานภาค 1 เเละนายปรัชญา ศรีอัมพรแสง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจเเละทรัพยากร(วปอ.รุ่น61 )ขึ้นนั่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง ซึ่งมีขอบเขตอำนาจพิจารณาสั่งคดีเเขวงทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ และนายวรวิทย์ สัมพัฒนวรชัย รองอธิบดีอัยการสำนักงานอาญาธนบุรีผงาดขึ้นนั่งที่เดิมเเต่เป็น อธิบดีอัยการสำนักงานอาญาธนบุรี เลื่อนนายศรีปาล ศรีเปารยะ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นรองอธิบดีอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตฯ

นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนยังอยู่ตำแหน่งเดิม
เลื่อนนายณรงค์ ศรีระสันต์ อัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย สำนักงานคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุด (สคช.)รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อัยการชื่อดังที่บรรยายข้อกฎหมายให้ความรู้ประชาชนกลับภูมิลำเนาไปเป็น รองอธิบดีอัยการ ภาค 9

เลื่อนนายธวัชชัย หัตถะปนิตร์ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีพิเศษ 1 ไปเป็นรองอธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด

โยกย้ายนายพลทัต สุราฤทธิ์ อัยการพิเศษฝ่ายสำงานงานอัยการคดีพิเศษ 5 ไปเป็นอัยการพิเศษฝ่ายคณะกรรมการอัยการเนื่องจากได้รับอนุญาตให้ไปเรียนหลักสูตร วปอ.

นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ไม่ขอเป็นอัยการอาวุโส
ในส่วนอัยการชื่อดังที่ยังอยู่ในตำเเหน่งเดิมได้เเก่ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี(สคช.) ยังอยู่ที่เดิมเนื่องจากเป็นสำนักงานที่มีบทบาทสำคัญช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย(สคช.) ซึ่งผลงานการช่วยประชาชนที่ผ่านมาได้รับคำชื่นชมในการช่วยเหลือประชาชนจากหน่วยงานภายนอกจำนวนมาก ทางผู้บริหารจึงวางใจขอให้ทำงานด้านนี้ต่อ

นายสมคิด สายเจริญ รองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ซึ่งทำคดีสำคัญยังไม่ขยับ โดยถือยังเป็นรองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษคนเดียวที่ยังนั่งตำเเหน่งเดิม เนื่องจากจะมีรองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษที่มาจากสำนักงานอื่นอีก 2 คน รอขยับทีเดียวขึ้นนั่งอธิบดีอัยการในรอบหน้า

นายสมคิด สายเจริญ รองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ซึ่งทำคดีสำคัญยังอยู่ที่เดิม
นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน เป็นอัยการชื่อดัง จบหลักสูตร Major Case Management จาก F.B.I. Academy Quantico Virginia U.S.A. หรือฉายาอัยการ FBI ที่มีฝีมือเรื่องการสอบสวน ปัจจุบันได้รับความไว้วางใจจากอัยการสูงสุดหลายคนในการลงไปร่วมสอบสวนคดีสำคัญระดับประเทศจำนวนมาก ภายหลังยิ่งมีบทบาทสำคัญหลังประกาศ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทำร้ายและการกระทำที่ทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ ‘พ.ร.บ.อุ้มหาย’ที่ลงไปกำกับการสอบสวนจนมีการเเจ้งข้อกล่าวหานายตำรวจระดับสูงหลายคนเเละยังรั้งตำเเหน่ง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดที่มีเเนวทางการเเถลงข่าวชัดเจน เเม่นยำเป็นที่ชื่นชมของสื่อมวลชน

นายสัญชัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาพระโขนง เป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา
ในส่วนอัยการชื่อดังตำเเหน่งสำคัญที่เตรียมจะพ้นตำเเหน่งบริหาร ได้เเก่

นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดคนปัจจุบันไปเป็นอัยการอาวุโสสำนักงานอัยการสูงสุด โดยบทบาทที่สำคัญเด่นชัดในการสั่งฟ้องคดี 112 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เเละชี้ขาดสั่งฟ้องอาญา 8 ผู้ต้องหาคดีเปลี่ยนความเร็วรถปม 'บอส อยู่วิทยา' เเละคดีอื่นๆอีกหลายคดี ขึ้นชื่อว่าเป็นคนตรง สุขุมเเละเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดี

 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี(สคช.) ยังอยู่ตำแหน่งเดิม
นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งจะพ้นวาระบริหาร 1 ต.ค.โดยไม่ขอต่อเป็นอัยการอาวุโส นายวิรุฬห์ ถือเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษที่มีผลงานการสั่งคดีสำคัญจำนวนมาก จนมีความเชี่ยวชาญงานคดีเป็นลำดับต้นๆ โดยผลงานคดีสำคัญหลายคดีอาทิเช่น คดีสหกรณ์เมืองเลย,คดีฟ้องเหมืองทองอัครารุกที่ป่า,คดีรถหรูเลี่ยงภาษี คดีประสิทธิ์ เจียวก๊กร่วมกันฟอกเงิน,คดียูฟัน ร่วมกันฟอกเงิน ,คดีเมฆ รามา สามีดาราชื่อดังทำเว็บพนันออนไลน์ ร่วมกันฟอกเงิน ,คดีดีเจแมน และใบเตย ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนเเชร์ Forex-3D,คดีเว็บพนันบอสตาล,คดีหุ้นสตาร์คในส่วนอาญาเเละส่วนเเพ่ง ที่ร้องขอให้ทรัพย์ตกเป็นของเเผ่นดิน คดีหมูเถื่อน ,เเละคดีเเก็งคอลเซนเตอร์จีนเทาต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นคดีสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจและสื่อมวลชนเสนอเป็นข่าวใหญ่มีผลกระทบต่อประชาชนเป็นคดีที่มีผู้เสียหายและผู้ต้องหาจำนวนมาก โดยเฉพาะบทบาทเด่นของนายวิรุฬห์คือการยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์ตกเป็นของเเผ่นดิน ซึ่งตั้งเเต่ปี 2560 เป็นต้นมาอัยการคดีพิเศษได้ยื่นคำร้องขอศาลให้ตกเป็นของเเผ่นดินจำนวนกว่า 4หมื่นล้านบาทเศษ เเต่เฉพาะในช่วงที่นายวิรุฬห์ดำรงตำแหน่งอธิบดีสำนักงานคดีพิเศษมาประมาณ1ปีกว่าๆก็ยึดทรัพย์ตกเข้าคลังเเผ่นดินได้ถึงกว่า 1หมื่นล้านบาท ในสังคมอัยการได้รับเลือกเป็นประธานรุ่นหลักสูตรอธิบดีอัยการรุ่น 12 เเละในการเลือกตั้งคณะกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิที่ผ่านมาทั้งในการเลือกตั้งซ่อม เเละเลือกตั้งรอบจริง ก็ได้รับเลือกเข้ามาเป็นกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 2 ครั้ง เป็นคนที่ได้รับความนิยมในหมู่อัยการ เนื่องจากเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดี เข้าถึงปรึกษาง่าย มีส่วนจัดตั้งทีมฟุตบอลอัยการเเละประสานหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับข้าราชการลูกจ้างของสำนักงานอัยการสูงสุด

นายณรงค์ ศรีระสันต์ อัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย เป็นรองอธิบดีอัยการ ภาค 9
กำลังโหลดความคิดเห็น