ตร.ดอนเมืองคุมตัว “เอก สายเต๊าะ” ฝากขังศาลอาญา เจ้าตัวยยันทําตัวเหมือนเดิม แต่ไม่ก้าวร้าว เพิ่งรู้แม่โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินประกัน 2 หมื่น คอตกเข้าเรือนจำ
วันนี้ (21 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตํารวจ สน.ดอนเมือง ได้คุมตัว นายเอกรัฐ ขุนพรหม หรือ “เอก สายเต๊าะ” อายุ 41 ปี หลังมีพฤติกรรมก่อความเดือดร้อนรำคาญชาวบ้าน ฝากขังศาลอาญา ในข้อหา “ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด”
โดยเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ตํารวจได้คุมตัว “เอก สายเต๊าะ” ออกจากห้องขังมาสอบปากคําเพิ่มเติม โดยมีท่ามียิ้มแย้มและส่งยิ้มให้กับสื่อมวลชน ซึ่งภรรยาของเอก สายเต๊าะได้เดินทางเข้ามาเยี่ยม แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
จากนั้นเวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายเอกรัฐ ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา เพื่อนําไปฝากขังที่ศาลอาญา ขณะคุมตัวผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายเอกรัฐว่ามีอะไรจะขอโทษชาวบ้านหรือไม่ นายเอกรัฐ กล่าวว่า “ถึงสูงศักดิ์อัครสถานจะปานใด”
เมื่อถามอีกว่า ยังจะทำตัวเหมือนเดิมหรือไม่ นายเอกรัฐ หรือ"เอก สายเต๊าะ" กล่าวว่า จะทำตัวเหมือนเดิม แต่จะไม่ก้าวร้าวแล้ว ชัวร์อยู่แล้วลูกผู้ชายตัวจริง
ส่วนเรื่องที่แม่โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ประกันตัวนั้น นายเอกรัฐหรือ "เอก สายเต๊าะ"กล่าวว่า เพิ่งทราบเมื่อเช้าจากที่พรรคพวกมาบอก กจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวและขับรถออกไปทันที ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่าทางลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบเตรียมรวมตัวยื่นคัดค้านการประกันตัว
ต่อมาที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ได้ยื่นคำร้องฝากขังระบุว่า นายเอกลักษณ์ ขุนพรหม หรือ "เอก สายเต๊าะ" ผู้ต้องหาในความผิดฐาน ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ, เอาไปเสียซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ทำให้เสียทรัพย์,พาอาวุธ(มีด)ไปไนเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร, ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรคเเรก วรรคสอง 188,358,371 เเละมาตรา 392
มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งเเต่ 21 ก.ค.-1 ส.ค.2567 เนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 6 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง ผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือเเละประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา
ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
ท้ายคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวนยังได้ขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว ระบุว่า คดีมีอัตราโทษสูง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีภายหลัง และผู้ต้องหาอยู่ระหว่างได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีอื่น
ผู้ต้องหายังคงมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามผู้เสียหายหลายคน อีกทั้งได้คุกคามและข่มขู่เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านเดียวกันกับผู้ต้องหาอยู่ตลอดจนเกิดความเดือดร้อนและหวาดกลัว และคดีนี้อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนและประชาชน หากได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาจะกระทำพฤติกรรมข่มขู่คุกคามผู้เสียหายและประชาชนอีก
นอกจากนี้ผู้เสียหายก็ได้ยื่นคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวเนื่องจากหากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว เกรงจะไม่ได้รับความปลอดลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
เเละยังมีพยานสำคัญในคดียื่นคัดค้านการปล่อยชั่วคราวเนื่องจาก เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ผู้ต้องหาข่มขู่ คุกคาม และผู้ต้องหามีพฤติกรรมชอบไลน์สดผ่านทางโซเชียลโชว์อาวุธและใช้คำพูดข่มขู่ในลักษณะจะใช้ความรุนแรงพาดพิงถึงพยานหลายครั้ง
ล่าสุดเวลา 12.00 น.มีรายงานว่าศาลอนุญาตฝากขัง และไม่มีญาติยื่นประกันแต่อย่างใด
ในช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายเอกรัฐ หรือ"เอก สายเต๊าะ"ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครตามระเบียบ