xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : น้ำชากาเดียว สังเวย 6 เวียดนาม สะเทือนประเทศไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2567 ตอน น้ำชากาเดียว สังเวย 6 เวียดนาม สะเทือนประเทศไทย



เหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามเสียชีวิตในโรงแรมหรูย่านราชประสงค์ ถือว่าเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญพอสมควร ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีของไทย 'เศรษฐา ทวีสิน' นายกรัฐมนตรี ต้องลงพื้นที่ด้วยตัวเอง รวมไปถึงการเข้ามาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดของเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย

ประเด็นใหญ่ที่สุดของเรื่องนี้ คือ มูลเหตุจูงใจของการก่อเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าว เนื่องจากภายในพื้นที่เกิดเหตุไม่ปรากฎร่องรอยต่อสู้เลยแม้แต่น้อย โดยมีเพียงแค่สภาพศพผู้เสียชีวิตมีน้ำลายฟูมปาก ทำให้คาดว่าน่าจะเสียชีวิตการจากการถูกวางยาลงในเครื่องดื่มของผู้ตาย ส่วนมูลเหตุจูงใจนั้นตำรวจได้สอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องทำให้คาดการณ์ในเบื้องต้นว่าน่าจะมาจากปัญหาหนี้สินส่วนตัว และผู้ก่อเหตุก็เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต

เรื่องคดีความก็ว่ากันไปตามกระบวนการ แต่แรงกระแทกหนึ่งที่ประเทศไทยต้องตั้งการ์ดรอรับให้ดีเลย คือ ความเสียหายในแง่ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยเหตุการณ์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เกิดการก่ออาชญากรรมท้าทายกฎหมายกันกลางเมืองหลวงประเทศไทย เพราะก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคม 2567 เคยเกิดเหตุกราดยิงกลางห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนมาแล้ว เรียกได้ว่าพื้นที่ท่องเที่ยวย่านราชประสงค์และบริเวณใกล้เคียงกลายเป็นพื้นที่สังหารมาแล้วถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน

เป็นที่ทราบกันดีว่าเวลานี้เศรษฐกิจไทยหวังพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์กราดยิงกลางหาง ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบพอสมควร ถึงขนาดที่นายกฯต้องแสดงท่าทีขอโทษและแสดงความเสียใจต่อเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยทันที เพราะเกรงว่าทางการจีนจะประกาศให้พลเมืองตัวเองชะลอการเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาเข้าไปอีก กว่าจะผ่านมรสุมดังกล่าวก็เล่นเอารัฐบาลต้องออกแรงเหนื่อยพอสมควร

เรื่องเก่าเพิ่งเคลียร์เสร็จได้ไม่นาน ก็มาเจอกับกรณีการเสียชีวิตของชาวเวียดนามอีก โดยเรื่องนี้มีแนวโน้มว่าจะทำให้ประเทศไทยถูกพูดถึงในแง่ลบพอสมควรจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น การที่ หนึ่งในผู้เสียชีวิตชาวเวียดนาม คือ นายดินห์ ตรัน ภู (Mr.DINH TRAN PHU) อายุ 36 ปี เป็นช่างแต่งหน้าชื่อดังจากเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม และมีผู้ติดตามผ่านสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก

รวมไปถึงการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอของสหรัฐอเมริกาที่อ้างว่ามีพลเมืองตัวเองที่เป็นลูกครึ่งเวียดนามเสียชีวิต แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พยายามกีดกันไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานจนเสียรูปคดี

แม้ในภาพรวมของการก่อเหตุนั้นมีแนวโน้มว่าจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือความมั่นคง แต่ด้านหนึ่งประเทศไทยก็ไม่อาจหนีแรงปะทะครั้งนี้ไปได้ จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่สำคัญของรัฐบาลว่าจะทำอย่างไรให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยกลับมาดูดีขึ้นในสายตาต่างประเทศ

อีกด้านหนึ่งหลายนโยบายด้านการท่องเที่ยว อาจจำเป็นที่ต้องถูกปรับปรุงเช่นกัน เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยเปิดประเทศแบบเกิน 100% อ้าแขนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศแบบไม่อั้น เพื่อหวังได้เห็นตัวจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าประเทศที่น่าพอใจ แต่นั่นก็เป็นเหรียญสองด้าน เพราะด้านหนึ่งย่อมมีความบกพร่องในการคัดกรองคนเข้าประเทศเช่นกัน จนกลายเป็นช่องว่างที่ทำให้ไทยกลายเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการก่ออาชญากรรม

ดังนั้น บางทีถ้ารัฐบาลแบ่งความใส่ใจจากนโยบายประชานิยมมามองถึงเรื่องทำนองนี้ดูบ้าง แม้จะไม่ได้คะแนนนิยมเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็สร้างประโยชน์ต่อประเทศไทยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android


กำลังโหลดความคิดเห็น