MGR Online - ”เศรษฐา“ ร่วมหน่วยงานปราบยาเสพติด แถลงตรวจยึดสารโทลูอีน จำนวน 90 ตัน ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย คาท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ต้นทางเกาหลีใต้ ปลายทางเมียนมา
วันนี้ (12 ก.ค.) ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. , นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร , พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. , พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. , นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมแถลงผลการตรวจยึดสารโทลูอีน (Toluene) เคมีภัณฑ์ที่เป็นวัตถุอันตรายประเภท 3 ตาม พรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 จำนวน 90 ตัน
การตรวจยึดสารโทลูอีนดังกล่าว สืบเนื่องจากห้วงเดือน มิ.ย.2567 ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่าจะมีการนำเข้าสารโทลูอีน (Toluene) จำนวน 90 ตัน (6 ตู้คอนเทนเนอร์) โดยไม่มีเอกสารการอนุญาตขอนำผ่านวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ซึ่งสารโทลูอีน (Toluene) โดยมีต้นทางจากเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อนำส่งปลายทางนครย่างกุ้ง เมียนมา โดยขนส่งผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง เหตุเกิดที่ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยสินค้าดังกล่าวจะมีการนำผ่าน และออกทางด่านศุลกากรแม่สอด จ.ตาก
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นการบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติด ระยะเร่งด่วน 3 เดือน (1 มิ.ย. – 31 ส.ค.2567) โดยรัฐบาลกำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ดำเนินการอย่างจริงจังและเด็ดขาด ปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติด ระยะ 1 ปี ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ใช้กลยุทธ์ “ปลุก เปลี่ยน ปราบ” เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า ปลุก คือ การปลุกชุมชนให้เข้มแข็ง ลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหายาเสพติดร่วมกับภาครัฐ , เปลี่ยน คือ เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย นำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ฟื้นฟูสมรรถภาพ , ปราบ คือ การปราบปรามนักค้ายาเสพติด สกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้ายาเสพติด และใช้มาตรการ “ยึด อายัดทรัพย์สิน” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด รวมถึงการทำลายกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดและเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมอื่น สกัดกั้นการลักลอบนำสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ผลิตยาเสพติด โดยเพิ่มมาตรการและแนวทางในการป้องกันการลักลอบสารตั้งต้นยาเสพติดในอนาคต และเพิ่มมาตรการการตรวจสอบ และควบคุมการนำเข้าส่งออก อีกทั้งมุ่งเน้นในการเพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศระดับภูมิภาค เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง มุ่งมั่นแก้ไขปัญหายาเสพติดให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวต่อว่า สำหรับ สารโทลูอีน เป็นสารเคมีที่อยู่ภายใต้การควบคุม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 (วัตถุอันตรายชนิดที่ 3) หน่วยงานที่ควบคุม คือ กรมโรงงานอุตสาหกรรม นิยมนำมาเป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมหลายประเภท ได้แก่ อุตสาหกรรมสีพ่นรถยนต์ อุตสาหกรรมสีทาบ้าน อุตสาหกรรมหรืองานพิมพ์ภาพสี ที่ใช้ได้ทั้งเป็นตัวทำละลายสีและใช้ล้างขจัดคราบสี อุตสาหกรรมสีย้อมผ้าและฟอกหนัง อุตสาหกรรมผลิตยางและพลาสติก อุตสาหกรรมเรซินและกาว รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์ คือ เป็นส่วนผสมในน้ำยาล้างเล็บเพื่อช่วยละลายสารอื่นๆ
"โดยผู้นำผ่านวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 มาตรา 20/2 วรรค 2 มีโทษตามมาตรา 70/2 วรรค 3 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยสารโทลูอีน 1 ตัน ราคาประมาณ 43,000 บาท (1,205 ดอลลาร์) ซึ่งโทลูอีน 90 ตัน คิดเป็นมูลค่า ประมาณ 3,670,000 บาท ซึ่งหากนำสารโทลูอีน 90 ตัน ไปใช้ในทางที่ผิด จะใช้เป็นสารละลายในกระบวนการผลิตยาเสพติดประเภทต่างๆ ได้ดังนี้ ผลิตไอซ์หรือโคเคน ได้ประมาณ 4.1 ตัน ผลิตยาบ้า ได้ประมาณ 205 ล้านเม็ด"
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานความร่วมมือกันระหว่างหลายหน่วยงาน จนนำไปสู่การอายัดยึด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่นำไปผลิตยาเสพติดได้ ซึ่งปี 2566 ถึงปัจจุบัน ยึดได้จำนวน 769 ตัน ซึ่งมากกว่าปี 2565 ถึง 400 กว่าตัน