xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มไรเดอร์ร้อง ถูก ตร.กระทำเกินกว่าเหตุ ทั้งซ้อม-ค้นตัว เพราะขี่รถไม่สวมหมวกกันน็อก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



หนุ่มไรเดอร์ วัย 29 ปี ร้องเพจสายไหมต้องรอด ถูกตำรวจสายตรวจกระทำเกินกว่าเหตุ ทั้งถูกซ้อม
และค้นตัว ก่อนถูกแจ้งข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก


วันนี้ (9 ก.ค.) ที่ ศูนย์ประสานงานเพจสายไหมต้องรอด นายสุเมธ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี อาชีพไรเดอร์ เข้าร้องทุกข์กับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกตำรวจสายตรวจขับรถไล่เพราะไม่สวมหมวกกันน็อกแต่กลับถูกซ้อมก่อนค้นตัว ค้นรถ จึงเข้าแจ้งความแต่ตัวเองกลับถูกดำเนินคดีข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก

นายสุเมธ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังวิ่งงานไรเดอร์อยู่ที่ถนนฉลองกรุงทำโทรศัพท์ตกจึงวนรถไปเก็บแต่พบตำรวจ สน.ฉลองกรุง 2 นาย ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) เข้ามาประชิดพร้อมพูดจาให้จอดรถแต่ตนวกรถหนีกลับ เพราะไม่ได้ใส่หมวกกันน็อกพร้อมกับไม่ได้พกใบขับขี่กลัวจะเสียค่าปรับ เนื่องจากก่อนหน้าเพิ่งโดนปรับไป แต่ทางตำรวจทั้ง 2 นายขี่รถ จยย.ตามพร้อมถือกระบองไล่ตีกระทั่งหลบหนีไปจนถึงซอยพรทิพย์ ถนนคลองหลวงแพ่ง เมื่อหนีไม่รอดตำรวจทั้ง 2 นาย จึงทำให้ตนล้มก่อนจะทำร้ายด้วยการเตะหน้าและเหยียบหน้า เมื่อทำร้ายเสร็จจึงใส่กุญแจมือแต่ตนไม่ยอมต่อมาทางตำรวจทั้ง 2 นายจึงตรวจรถพร้อมตรวจค้นแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายจึงปล่อยให้กลับ

นายสุเมธ กล่าวอีกว่า รู้สึกว่า เป็นการทำเกินกว่าเหตุจึงเข้าแจ้งความที่ สน.จรเข้น้อย เพราะโดนทำร้ายในพื้นที่นั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สน.จรเข้น้อย จึงประสานงานกับทางตำรวจทั้ง 2 นายดังกล่าวให้เข้ามาเจรจา เมื่อเข้ามาเจรจาทางตำรวจ 2 นายนั้นกลับแจ้งกับตนว่า “ถ้าน้องแจ้งความพี่ พี่ก็จะแจ้งความน้องด้วย” ก่อนลากตนไปดำเนินคดีต่อที่ สน.ฉลองกรุง ข้อหาขับรถหวาดเสียว ไม่สวมหมวกกันน็อกและไม่มีใบขับขี่โดนปรับไป 1,200 บาท

นายสุเมธ กล่าวอีกว่า แต่ในส่วนคดีที่เเจ้งความกับทาง สน.จรเข้น้อย ทางเจ้าหน้าที่ทำเพียงแค่รับบันทึกเรื่องไว้และเอกสารบันทึกการแจ้งความก็ไม่ได้ให้มาให้เซ็นเอกสารเสร็จและให้กลับบ้านเลย ไม่มีการดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 2 นาย ที่ทำร้ายตนและไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ยืนยันว่า ไม่ได้เถียงหรือด่าอะไรกับทางตำรวจทั้ง 2 นาย ที่ผ่านมา ขับไรเดอร์มาเกือบ 2 ปี สวมใส่หมวกนิรภัยตลอดเพียงครั้งนี้ลืมไว้ที่บ้านเท่านั้นที่มาร้องทุกข์ เพราะต้องการค่าเยียวยารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถนอกมีโทรศัพท์มือถือที่เสียหายเพราะเหตุการณ์ดังกล่าวอยากได้รับความเป็นธรรมแม้เป็นเพียงประชาชนธรรมดา

นายเอกภพ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องแยกเป็นสองส่วนที่ผู้ร้องทุกข์ขับรถหนีก็ถูกดำเนินคดีและถูกปรับไปแล้วส่วนที่ตำรวจทั้ง 2 นายทำร้ายร่างกายผู้ร้องทุกข์นั้นต้องดำเนินคดีและว่ากันไปตามกฎหมายจากนี้จะประสานไปที่ สน.จรเข้น้อย เพื่อดำเนินคดีกับทางตำรวจทั้ง 2 นาย และดูว่าจะมีการเยียวยาอะไรได้บ้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น