xs
xsm
sm
md
lg

รวบเพิ่มอีก 1 ราย คนช่วย “บอล ปากแหว่ง” จี้ชิงเงิน 3.3 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจจับกุมนายจักรพงษ์ ผู้ต้องหาอีก 1 ราย ร่วมกับ “บอล ปากแหว่ง” ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์เงิน 3.3 ล้านบาท ย่านพัฒนาการ

จากกรณี 2 คนร้าย ขี่รถ จยย.ใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์เงินสด 3.3 ล้านบาท ขณะผู้เสียหายเดินทางไปเบิกเงินที่ธนาคาร และกำลังเดินขึ้นรถยนต์ส่วนตัว บริเวณลานจอดรถห้างแห่งหนึ่ง ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ (2 ก.ค.) ต่อมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ชุดสืบสวนนครบาล ฝ่ายสืบสวน บก.น.4 และ สน.ประเวศ รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับ 1 ในคนร้ายคือ นายนันทพร อายุ 35 ปี หรือบอล ปากแหว่ง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.388/2567 ลงวันที่ 7 ก.ค.67 ในข้อหา “ร่วมกันชิงทรัพย์ โดยมีหรือใช้อาวุธปืน และใช้ยานพาหนะฯ” เป็นผู้ใช้อาวุธปืนจี้ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นบุคคลอันตรายที่เคยจับกุมตั้งแต่เดือน พ.ย.51 กระทั่งวานนี้ (7 ก.ค.) นายนันทพร ถูกตำรวจลาวจับกุมตัวได้ที่ สปป.ลาว ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (8 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.4, บก.สส.บช.น. และ สน.ประเวศ เข้าจับกุม นายจักรพงษ์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ 391/2567 ลงวันที่ 6 ก.ค.67 ความผิดฐาน “ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนและยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำคงามผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”

โดยจากแนวทางการสืบสวนเบื้องต้นพบว่า นายจักรพงษ์เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุชิงทรัพย์เงิน 3.3 ล้าน ยอมรับว่า มีการโทรติดต่อและพูดคุยกับนายบอล เกี่ยวกับงานที่ถอนเงินจำนวนมาก และได้นัดเจอกับนายบอลเพื่อพูดคุยกันบริเวณลานใต้คอนโดที่พักแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น.

รวมถึงผู้ต้องหาเป็นคนจัดที่พัก อาหารและเครื่องดื่มให้กับนายนันทพร นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ต้องหาเคยก่อคดีร่วมกับนายนันทพรมาก่อน และเป็นรุ่นพี่สถาบันเดียวกัน

ต่อมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พร้อมด้วยพล.ต.ต.ธีรเดช ได้เดินทางมาที่ สน.ประเวศ เพื้อประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม นายจักรพงษ์ ได้แล้ว

โดยพล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า ในคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐาน จนออกหมายจับในเบื้องต้น จำนวน 3 คน คือ นายนันทพร และนายจักรพงษ์ ส่วนอีกหนึ่งคนคือชายที่คาดว่าน่าจะเป็นคนจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งขณะนี้ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 คน คือ นายนันทพร ถูกตำรวจ สปป.ลาวจับกุมได้ที่แขวงคำม่วง สปป.ลาว เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ป่านมา โดยก่อนมาก่อเหตุชิงเงินสดที่พัฒนาการ นายนันทพรก่อเหตุชิงทองคำที่ สปป.ลาว มูลค่า 3 บาท ก่อนจะหลบหนีมาก่อเหตุชิงเงินที่ย่านพัฒนาการ และได้หลบหนีผ่านทางช่องทางธรรมชาติกลับไปที่ สปป.ลาว

ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานกับตำรวจลาว ในเรื่องของการส่งตัวคนร้ายข้ามแดน ส่วนนายจักรพงษ์ ตำรวจสามารถไปจับกุมได้เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนายจักรพงษ์ ให้การว่า รู้จักกับนายนันทพรสมัยเรียนช่างกลเมื่อปี 2550 โดยนายจักรพงษ์เป็นประธานสายในการดูแลเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางมาเรียนในสถาบันขณะนั้น และเป็นรุ่นพี่ของนายนันทพร ยอมรับว่าได้วางแผนร่วมกับนันทพร เพื่อก่อเหตุชิงทรัพย์

โดยเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมาได้เป็นคนเปิดโรงแรมย่านนวมินทร์ เพื่อนัดพบกันและวางแผนในการก่อเหตุ ซึ่งในวันเกิดเหตุนายจักรพงษ์ขี่รถจักรยานยนต์มาถึงที่เกิดเหตุก่อนนายนันทพร เพียง 2 นาที จากแผนเดิมที่คุยกันไว้ คือจะดักปล้นระหว่างทาง

แต่ตนไม่คิดว่า นายนันทพร จะลงมือก่อเหตุตั้งแต่อยู่ในลานจอดห้างสรรพสินค้า ตนก็รู้ว่าผู้ก่อเหตุคือนายนันทพร แต่ไม่กล้าเข้าแจ้งความ เพราะกลัวจะถูกเชื่อมโยงไปถึงเนื่องจากตนรู้เห็นเป็นใจด้วย

ส่วนเรื่องการเบิกเงินนั้น นายจักรพงษ์ ให้การว่า ตนเป็นลูกจ้างของบริษัทฯ โดยบริษัทจะจ้างตนให้ไปเบิกเงิน และจะได้ค่าจ้างครั้งละ 2,000 บาท ซึ่งขณะนี้ตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทดังกล่าวได้ เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยพบข้อมูลเบื้องต้นว่า บริษัทฯดังกล่าวได้ใช้ชื่อคนไทย 3 คน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน โดย 3 คนนี้ อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดพังงา และจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งพนักงานสอบสวนและออกหมายเรียกให้ทั้ง 3 คน เข้ามาชี้แจง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ทั้ง 3 คน ก็ไม่มาตามหมายเรียก

ส่วนผู้ต้องหาอีกหนึ่งคน ที่เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ขอออกหมายจับบุคคลตามรูปภาพแล้ว โดยจากการสืบสวนทราบว่าหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปยังจังหวัดจันทบุรี คาดว่าเป็นคนจากประเทศเพื่อนบ้าน




กำลังโหลดความคิดเห็น