MGR Online - "เด็จพี่ พร้อมพงศ์" ยื่นตรวจสอบทุจริตบริษัท NT เชิญเอกชน 7 รายประกวดราคาโครงการจัดซื้อระบบคลาวน์ งบประมาณ 1,000 ล้านบาท เข้าข่ายฮั้วประมูล
วันนี้ (5 ก.ค.) เวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อและอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางยื่นเอกสารต่อ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เพื่อให้ตรวจสอบบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ (NT) เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 ในโครงการจัดซื้อระบบคลาวน์ของกระทรวงสาธารณสุข งบประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาท
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เมื่อเดือน ม.ค.67 ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและผู้หวังดีในหน่วยงานขอช่วยตรวจสอบการประมูลของโครงการจัดซื้อดังกล่าว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายให้บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติฯ เป็นผู้ดำเนินการจัดหา โดยขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างได้เลือกวิธีการเชิญชวนเฉพาะแทนการประกวด (E-Bidding) ถือว่าเรื่องที่แปลก และเชิญบริษัทเข้ามาเสนอราคาเพียง 7 บริษัทมาประมูลในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฎว่าใน 7 บริษัท มีรายชื่อบุคคลเดียวกันเป็นกรรมการอยู่ 3 บริษัท และอีกรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้น 2 บริษัท
"ในวันเสนอราคา มี 5 บริษัท ได้ถอนตัวออกไป ทำให้เหลือเพียง 2 บริษัท โดยบริษัทที่ชนะการประกวดเสนอราคา 991 ล้านบาท ส่วนบริษัทที่แพ้การประมูลเสนอราคา 992 ล้านบาท ซึ่งราคาต่างกันเพียง 0.16% เท่านั้น เข้าข่ายพฤติการณ์น่าสงสัยว่ามีการฉ้อโกงและทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง นอกจากนี้ ที่สำคัญทั้ง 2 บริษัท มีหนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัทที่ชนะการประกวดเป็นผู้ถือหุ้นอีกบริษัทที่เคยค้านร่วมกับบริษัทที่แพ้การประมูล จึงไม่ใช่ คู่แข่งทางการค้า เชื่อว่าการจัดซื้อจัดจ้างในครั้งนี้เข้าข่ายการสมยอมราคากัน"
เมื่อถามถึงรายละเอียดของ 7 บริษัทว่าจดทะเบียนบริษัทเมื่อไหร่ หรือประกอบกิจการเกี่ยวกับระบบคลาวด์มาอย่างไร เคยประกวดราคาทำงานร่วมกับรัฐมาแล้วหรือไม่ นายพร้อมพงศ์ เผยว่า สำหรับรายละเอียดอยู่ในเอกสารที่ยื่นให้กับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบไปแล้ว ส่วนก่อนหน้านี้ทั้ง 7 บริษัทเคยแข่งขันโครงการของรัฐด้วยกันหรือไม่ ตรงนี้ไม่มีรายละเอียด
นายพร้อมพงศ์ กล่าวเสริมว่า ตนอยากให้ตรวจสอบการขโมยสายเคเบิ้ลทองแดงของบริษัท NT ซึ่งไม่ได้ใช้งานแล้วเปลี่ยนมาเป็นสายไฟเบอร์แต่ถูกฝังไว้ใต้ดิน กลับมีขบวนการลักลอบตัดสายเคเบิ้ลในหลายพื้นที่สร้างความเสียหายหลายพันล้านบาท ซึ่งมองว่าอาจจะมีคนในรู้เห็นเพราะต้องมีแผนผังการขุดจากดินขึ้นมา รวมทั้ง บางพื้นที่มีการขโมยช่วงเวลากลางวันและแอบใส่ชุดเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้สงสัย ทั้งที่บริษัท NT ควรนำมาประมูลขายเองมากกว่า เพื่อเงินที่ได้จะได้นำเข้ารัฐ โดยมีสื่อหลายช่องนำเสนอประเด็นดังกล่าวแต่ทางผู้บริหารของ NT ไม่มีการแก้ไขปัญหาถือมีความผิดตาม ม.157 และในสัปดาห์หน้าตนจะนำ 2 เรื่องนี้ไปยื่นให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ถ้าเชื่อมโยงไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐจะมีการไปต้องยื่นหนังสือกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป
ด้าน ร.ต.อ.วิษณุ ระบุว่า เบื้องต้นทางดีเอสไอได้รับเรื่องไว้ดําเนินการตรวจสอบ โดยจะมอบหมายกองคดีฮั้วประมูลเร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ยืนยันจะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องและทั้ง 7 บริษัทเข้ามาสอบปากคำ ก่อนพิจารณารับเป็นคดีพิเศษต่อไป