xs
xsm
sm
md
lg

เพชฌฆาตเงียบใน รร. นักเรียนตายซ้ำซาก สังเวยความชุ่ยผู้บริหาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 วันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567 นำเสนอรายงานพิเศษ เพชฌฆาตเงียบใน รร. นักเรียนตายซ้ำซาก สังเวยความชุ่ยผู้บริหาร



จากโศกนาฏกรรมนักเรียนชาย วัย 14 ปี ที่ชื่อน้องวายุ ถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิต เนื่องจากตู้น้ำดื่มของโรงเรียนไฟรั่ว เหตุเกิดที่โรงเรียนแห่งหนึ่งของอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เมื่อเวลา 13:30 น. ของวันศุกร์ ที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ผู้คนรับรู้เรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างมีคำถามเหมือน ๆ กันว่า เมื่อไหร่ความตายที่เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนทุกเพศทุกวัยด้วยสาเหตุตู้น้ำดื่มไฟรั่วจะหมดไปจากบ้านเมืองนี้เสียที

เพราะน้องวายุที่สังเวยชีวิตไปสด ๆ ร้อน ๆ ไม่ใช่เหยื่อรายแรก และแน่นอนว่าต้องไม่ใช่รายสุดท้าย เพราะก่อนหน้านี้เคยมีเด็กนักเรียนทั้งในระดับประถมต้นและมัธยม ต้องเสียชีวิตเพราะตู้น้ำดื่มประจำโรงเรียนชำรุดไฟรั่วมาแล้วหลายราย

ซึ่งทุกครั้งที่เกิดโศกนาฏกรรม ผู้เกี่ยวข้องก็จะออกมาแสดงความเสียใจและให้คำมั่นในทิศทางเดียวกันว่า จะปรับปรุงแก้ไขแล้ววางมาตรการป้องกัน มิให้เหตุร้ายในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีก

ครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะหลังการเสียชีวิตของน้องวายุ ได้มีการออกมายอมรับว่า ตู้น้ำดื่มมรณะมีอายุการใช้งานมาแล้ว 10 ปี อยู่ในสภาพสนิมกรัง และเบรกเกอร์ซึ่งอยู่บริเวณหลังตู้น้ำชำรุด จึงทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร ประกอบกับในวันนั้นมีฝนตก พื้นมีน้ำเปียก จึงเป็นสื่อนำไฟฟ้าเป็นอย่างดี

เมื่อน้องวายุซึ่งตามข่าวระบุว่า ได้รับคำสั่งจากคุณครูให้ไปสับสวิตช์ไฟในบริเวณดังกล่าว เข้าไปใกล้จึงถูกไฟดูด ขณะที่บางข่าวระบุว่าน้องวิ่งไปกับเพื่อนนักเรียนคนอื่น เมื่อไปถึงบริเวณที่มีน้ำเปียกพื้น น้องวายุจึงถูกไฟดูดล้มลงเพียงคนเดียวตามที่ปรากฏในภาพของกล้องวงจรปิด

แต่สิ่งที่น่าสลดใจก็คือ แม้ผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นจะเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยน้อง ปล่อยให้เวลาผ่านไปเกือบ 2 นาที จนกระทั่งมีผู้ที่ตัดสินใจใช้ผ้าขนหนูคล้องขาแล้วดึงร่างของน้องออกมา เพื่อให้ความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทัน เพราะน้องเสียชีวิตไปแล้ว โดยมีบาดแผลรอยไหม้ที่หน้าอกอันเกิดจากไฟช็อต

ในเบื้องต้นผู้อำนวยการโรงเรียนออกมาหลั่งน้ำตาแสดงความรับผิดชอบว่าดูแลลูกศิษย์ไม่ดี พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวทั้งเงินส่วนตัวของผู้อำนวยการและของโรงเรียน เป็นเงินรวมกันประมาณ 5 แสนบาท

ส่วนนางสุภาพรและนายพรชัย เทพสุวรรณ มารดาและบินดาของน้องวายุเปิดเผยว่า ลูกชายที่เสียชีวิตเป็นลูกคนที่ 2 วันเกิดเหตุเป็นวันแข่งขันกีฬาสีของโรงเรียน ทราบตอนที่ทางโรงเรียนโทร. มาแจ้งว่าลูกชายเกิดอุบัติเหตุให้รีบไปโรงพยาบาลกันตังโดยด่วน จึงรีบไป พอไปถึงทางโรงเรียนแจ้งว่าน้องถูกไฟดูดเสียชีวิต

ครอบครัวระบุอีกว่า ตอนนี้ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับใคร ขอเพียงอยากให้โรงเรียนดูแลกวดขันเรื่องความปลอดภัยภายในโรงเรียนให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์กับนักเรียนคนอื่นๆ

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุทางผู้อำนวยการของโรงเรียนและคณะครูก็มาร่วมงานทุกคืน และเสนอตัวเป็นเจ้าภาพพิธีสวดอภิธรรมศพให้น้องด้วย

ด้านนายชำนาญ กานต์นภัทร ปลัดอาวุโส อำเภอกันตัง ซึ่งได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวของนักเรียนชายด้วย บอกว่าทางอำเภอได้ติดตามเรื่องนี้ใกล้ชิดตั้งแต่วันเกิดเหตุ นายอำเภอได้ไปติดตามที่โรงพยาบาลกันตังด้วยตนเอง ตนมาวันนี้ก็ให้กำลังใจครอบครัว และแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเรื่องของสาเหตุทางโรงเรียนจะเร่งทำการสรุปโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว

สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังได้รับแจ้งเหตุและทำการสอบสวนจากพยานแวดล้อม รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งใช้เป็นหลักฐานได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่มีการแข่งขันกีฬาสีเมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน เป็นอุบัติเหตุ ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเจตนาทำให้น้องเสียชีวิตด้วยการผลักร่างเข้าหาตำแหน่งที่มีไฟรั่วอยู่แต่อย่างใด

ทางด้านผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้ออกมาสั่งการอย่างขึงขังว่า ให้ทุกโรงเรียนในพื้นที่ยกเลิกการใช้ตู้น้ำดื่มลักษณะเดียวกันนี้เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน รวมทั้งยังสั่งการให้ทุกโรงเรียนตรวจสอบระบบไฟฟ้าอื่น ๆ ที่อยู่ภายในโรงเรียน เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์นักเรียนถูกไฟฟ้าดูดเกิดขึ้นอีก

แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ความจริงที่ว่า สถานศึกษาหรือโรงเรียนไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร จึงไม่จำเป็นต้องมีวิศวกรเข้ามาตรวจสอบกำกับดูแลควบคุมการก่อสร้างและตรวจสอบระบบต่าง ๆ โดยเฉพาะระบบไฟฟ้า รวมทั้งไม่มีข้อบังคับว่าโรงเรียนซึ่งโดยแท้จริงก็มีสภาพเช่นเดียวกับอาคาร จะต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์นิรภัยตามจำนวนที่เหมาะสมมากน้อยเพียงใดและจะต้องมีการตรวจสอบตามระยะเวลาที่กำหนดเช่นเดียวกับอาคารทั่วไป

ความเป็นไปดังกล่าว จึงทำให้เกิดช่องว่างและความหละหลวมของระบบต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่ภายในโรงเรียนที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายได้ในหลายรูปแบบ

จึงถึงเวลาแล้วหรือยังที่สังคมไทยจะต้องตื่นรู้ให้ความสำคัญกับการเข้มงวดกับการตรวจสอบจุดอันตรายต่าง ๆ ที่อยู่ในเขตโรงเรียน รวมทั้งเอาจริงกับการฝึกบุคคลากรที่เกี่ยวข้องในการเผชิญเหตุเมื่อมีอุบัติภัยเกิดขึ้นในทุกรูปแบบ ซึ่งที่กล่าวมานี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความปลอดภัยให้แก่ชีวิตของเด็กนักเรียน เพื่อดำรงไว้ซึ่งคำกล่าวที่มีแต่โบราณว่า โรงเรียนคือบ้านที่สองของเด็กทุกคน

และโรงเรียนคือสถานที่ซึ่งเด็ก ๆ อันถือว่าเป็นอนาคตของชาติได้ใช้เวลาในแต่ละวันอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้มากที่สุด ไม่น้อยไปกว่าการใช้เวลาอยู่ที่บ้านของตนเองกับผู้ปกครอง

--------------------------------
**หมายเหตุ
แอป Sondhi App ดาวโหลดได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android


กำลังโหลดความคิดเห็น